ตลท.งัดมาตรการสกัดหุ้นไทยดิ่ง โบรกคาด พยุงดัชนีร่วงแค่40จุด

ตลท.งัดมาตรการสกัดหุ้นไทยดิ่ง โบรกคาด พยุงดัชนีร่วงแค่40จุด

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกมาตรการสกัด “ดัชนีหุ้นไทย” ดิ่ง ปรับเกณฑ์ซื้อ-ขายหลักทรัพย์ระหว่างวัน ให้ “ซิลลิ่ง-ฟลอร์” เหลือ 15% “ห้ามขายชอร์ต” ชั่วคราว 8-11 เม.ย.นี้

สืบเนื่องจากการประกาศใช้ “นโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐ” ที่กระทบตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกจนปรับตัว “ลดลง” มาก

ดังนั้น เพื่อมีมาตรการรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วานนี้ (7 เม.ย. 2568) จึงได้มีมติอนุมัติ

1.ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังต่อไปนี้เป็นการชั่วคราว ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) ได้มีมติอนุมัติเกณฑ์ TFEX ที่เกี่ยวข้องด้วย

โดยปรับ Ceiling & Floor สำหรับทั้ง SET, mai และ TFEX เหลือ 15% จากเดิม 30% ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) สำหรับการซื้อขายในแต่ละวันข้างต้น จะไม่ใช้บังคับกับการซื้อขาย DR และ DRx

2.ปรับกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ จากเดิม ±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น เป็น ±5% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น 

3.ห้ามการขายชอร์ตทุกหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ยกเว้น Market Maker สำหรับ SET, mai และ TFEX 

ทั้งนี้ การปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. 2568 และไม่เกินวันที่ 11 เม.ย. 2568 โดย ตลท.จะติดตามภาวะตลาดต่อเนื่องทุกวัน พร้อมปรับเปลี่ยนเกณฑ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์

ทั้งนี้ ตลท.เชื่อว่ามาตรการชั่วคราวจะมีส่วนช่วยเสริมเสถียรภาพของตลาดและสร้างความมั่นใจในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน

กลต.ติดตามการใช้มาตรการชั่วคราวของ ตลท.และTFEX

สืบเนื่องจากกรณีที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) (TFEX) ออกมาตรการดูแลสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นการชั่วคราว 4 วัน นับจากวันที่ 8 เม.ย.2568

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ใช้อำนาจตามข้อบังคับของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯ ซึ่งคณะกรรมการ ก.ล.ต. และคณะกรรมการ ก.ต.ท. เห็นชอบเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อตลาด ทำให้ ตลท.และ TFEX ออกมาตรการชั่วคราวให้สอดรับสถานการณ์ได้ 

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ประสานงาน ตลท.และ TFEX ใกล้ชิดและต่อเนื่อง และเห็นว่ามาตรการดังกล่าวจะลดความผันผวนของการซื้อขายใน ตลท.และ TFEX ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับตลาดทุนรวม โดย ก.ล.ต.จะติดตามและประสานงานตลาดหลักทรัพย์ฯ และ TFEX เพื่อประเมินสถานการณ์และผลของมาตรการชั่วคราวและสถานการณ์ในภาพรวมต่อไป 

“ก.ล.ต.จะได้ติดตามและประสาน ตลท.และ TFEX เพื่อประเมินสถานการณ์และผลของมาตรการชั่วคราวและสถานการณ์”

คาดช่วยพยุงดัชนีหุ้นไทยได้ หลังมีมาตรการดังกล่าว 

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หลังจาก ตลท.ออกมาตรการเพื่อรองรับแรงกระแทกของตลาดหุ้นไทยวันที่ 8 เม.ย.2568 คาดว่าช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยระดับหนึ่ง แต่จะไม่ให้กระทบคงไม่ได้เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกลดลงหนักมาก  

สะท้อนจากตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ (7 เม.ย.) ปรับตัวลงถ้วนหน้า โดยเฉพาะ “ตลาดหุ้นญี่ปุ่น” และ “ตลาดหุ้นไต้หวัน” เผชิญภาวะผันผวนรุนแรง โดยส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำมาตรการ “Circuit Breaker” หรือการหยุดการซื้อขายชั่วคราวมาใช้ เพื่อควบคุมแรงเทขายและให้เวลานักลงทุนประเมินสถานการณ์ดังกล่าวก่อน 

คาดดัชนีหุ้นไทยดิ่ง 30-40 จุด 

ทั้งนี้ คาดว่าวันนี้หุ้นไทยน่าจะปรับตัวลง 30-40 จุด หรือให้แนวรับแรกที่ 1,080 จุด หากหลุดแนวรับดังกล่าวจะมาอยู่ที่ 1,050 จุด จากดัชนีปิดตลาดเมื่อวันที่ 4 เม.ย.อยู่ที่ 1,125 จุด

ดังนั้น มองดัชนีวันนี้จะไม่หลุดระดับ 1,000 จุด และไม่ต้องใช้ Circuit Breaker เพราะหุ้นไทยปรับตัวลงแรงตั้งแต่ต้นปี สะท้อนจากดัชนีฯ ติดลบกว่า 20% และต่างชาติขายหุ้นไทยกว่า 2 แสนล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม วันนี้หุ้นไทยยังไม่ได้ใช้ Circuit Breaker แต่หากสถานการณ์ยังไม่ชัดเจน หรือรัฐบาลไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อลดผลกระทบ ระยะถัดไปมีโอกาสเห็นดัชนีหุ้นไทยลงแรง หรืออาจต้องใช้ Circuit Breaker ดังนั้น ภาครัฐต้องรีบลดผลกระทบอย่างเวียดนามที่ยอมลดภาษีให้สหรัฐ แต่ต้องดูตลาดหุ้นเวียดนามเช่นกันจะร่วงหนักไหมหลังเจรจาไปแล้ว 

“คาดว่าวันนี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแน่นอน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวนักลงทุนยังไม่พร้อมช้อนซื้อหุ้น ไม่เหมือนช่วงโควิด-19 ที่ดัชนีหลุด 1,000 จุด แล้วเด้งขึ้นมาทันที แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เนื่องจากนักลงทุนไม่เชื่อมั่นคาดว่านักลงทุนต้องชะลอดูสถานการณ์ ดังนั้นลักษณะของตลาดหุ้นไทยน่าจะซึมตัวต่อเนื่อง”