ราคาทองคำโลก ยังได้แรงหนุนจากความวิตกสงครามการค้าเสี่ยงรุนแรง

ราคาทองคำโลก ยังได้แรงหนุนจากความวิตกสงครามการค้าเสี่ยงรุนแรง

การปรับตัวขึ้นของทองคำโลกชะลอลงในวันอังคาร เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น แต่ความกลัวสงครามการค้าจะรุนแรงหลังสหรัฐเก็บภาษี ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ

รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดทองคำโลกวันอังคาร(8 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า ระดับการปรับขึ้นของราคาทองคำลดลงในวันอังคารจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นยังหนุนราคาทองคำ

หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.3% ในช่วงต้นของการซื้อขาย แต่ต่อมาลดระดับการปรับขึ้นลง โดยราคาทองคำในตลาดสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 2,984.16 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 14.03 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (18.03 GMT) ส่วนราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้น 0.5% สู่ระดับ 2,990.20 ดอลลาร์

ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการอ้างอิงปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ทำให้ทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนมีความน่าสนใจน้อยลง

“แม้จะปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันทำการ แต่ทองคำก็ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น โดยความตึงเครียดด้านการค้าและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่ลดลงทำให้ราคาทองคำน่าดึงดูดใจมากขึ้น” ลุคแมน โอตูนูกา นักวิเคราะห์วิจัยอาวุโสของ FXTM กล่าว “การทะลุระดับ 3,055 ดอลลาร์อย่างมั่นคงอาจเปิดประตูสู่ระดับ 3,100 ดอลลาร์และ 3,130 ดอลลาร์อีกครั้ง หากราคาอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ อาจทำให้ราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับ 2,950 ดอลลาร์และ 2,930 ดอลลาร์”

ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรร่วมกันเมื่อวันที่ 2 เมษายน ทำให้เกิดความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และกระตุ้นให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ

สหรัฐจะเก็บภาษีศุลกากรสูงวันนี้ จากไทย 36%

สหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีศุลกากรอัตราสูงจากหลายประเทศรวมไทย และจะเก็บจากจีนสูงถึง 104% ตั้งแต่เวลา 00:01 น.ของวันพุธตามเวลานิวยอร์ก หรือ 11.01 น.วันนี้ตามเวลาของไทย เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า การเก็บภาษีในระดับสูงกับสินค้าจีนจะเริ่มขึ้น หลังจากที่ปักกิ่งไม่ยกเลิกภาษีศุลกากรตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ ภายในเที่ยงวันอังคารที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กำหนดไว้

ทองคำซึ่งมักใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและการเงิน ได้พุ่งขึ้น 15% ในปีนี้

ในขณะเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทำให้ผู้ถือสกุลเงินอื่นซื้อทองคำแท่งได้ในราคาที่ถูกลง

ขณะนี้ นักลงทุนกำลังรอคอยรายงานการประชุมนโยบายล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ผู้ซื้อขายในตลาดคาดการณ์ว่า มีโอกาส 40% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมนี้ ทองคำแท่งที่ไม่มีผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย มีแนวโน้มที่ราคาจะสูงขึ้นในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ

ธนาคาร Commerzbank ระบุในบันทึกว่า "การคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในไม่ช้านี้"

ขณะที่ ราคาโลหะเงินลดลง 0.8% เหลือ 29.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลตตินัมเพิ่มขึ้น 0.2% เหลือ 914.83 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมลดลง 1.3% เหลือ 906.75 ดอลลาร์