โบรก จ่อหั่นกำไร ADVANC หากเดินหน้าต่อ- ไม่แก้สัญญา

โบรก จ่อหั่นกำไร ADVANC หากเดินหน้าต่อ- ไม่แก้สัญญา

“แอดวานซ์” ประกาศทบทวนดีลซื้อ "แจสอีฟ" หลังที่ประชุมผู้ถือหน่วยโหวตคว่ำวาระ1.2 -ไม่สอดคล้องกับความแข็งแกร่งที่ดีขึ้นของ “เอดับบลิวเอ็น” บล.หยวนต้า ชี้ หากดีลเดินต่อ -ไม่แก้ไขสัญญาค่าเช่า จ่อหั่นกำไรลงปีละ 1-2 พันล้าน - ต้นทุนเพิ่มปีละ3 พันล้านถึงปี 68 

นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ หัวหน้าคณะผู้บริการด้านการเงิน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC เปิดเผยว่า จากบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 99.99% ที่จะเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) และซื้อหน่วยลงทุน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF)           

ทั้งนี้จากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2565 ผู้ถือหน่วยไม่อนุมัติวาระ1.2  จึงทำให้เงื่อนไขบังคับก่อนข้างต้นถือว่าไม่บรรลุโดยสมบูรณ์ และการไม่อนุมัติวาระ 1.2 เรื่องการผ่อนผันหรือแก้ไขรายละเอียดในสัญญาเช่าถือว่าเป็นประเด็นสำคัญต่อTTTBBในการดำเนินธุรกิจให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน 

รวมถึงไม่สอดคล้องกับความแข็งแกร่งที่ดีขึ้นของ AIS/AWN ในฐานะ sponsor ใหม่จึงมีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจในการเข้าซื้อหุ้นในTTTBB และซื้อหน่วยลงทุนในJASIFและจะต้องนำมาพิจารณาใหม่อย่างถี่ถ้วนถึงความเหมาะสมในการเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้

โบรก จ่อหั่นกำไร ADVANC หากเดินหน้าต่อ- ไม่แก้สัญญา

 

นายศุภชัย วัฒนวิเทศกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า กล่าวว่า หากอ้างอิงจากความเห็นของผู้บริหาร ADVANC ก่อนหน้านี้ที่ยืนยันมาตลอดว่า จำเป็นต้องได้รับอนุมัติการยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าในวาระ 1.2 เพื่อให้ดีลสมเหตุสมผล 

ทั้งนี้เมื่อที่ประชุมผู้ถือหน่วยJASIF ไม่อนุมัติ  ฝ่ายวิจัยประเมินว่ามีโอกาสต่ำที่ ADVANC จะเดินหน้าดีลต่อ เพราะหากค่าเช่าในระดับเดิม หรือ ไม่แก้สัญญาประกันรายได้ค่าเช่า จะกดดันให้กำไรปกติ ของ ADVANC หลังเข้าซื้ออ่อนแอ แต่ถ้าแก้ไขสัญญาและยกเลิกการประกันรายได้ค่าเช่า หลังจากเข้าซื้อJASIF ฝ่ายวิจัยคาดว่า ADVANC จะมีกำไรเพิ่มขึ้นปีละ  500 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตามหาก ADVANC  เลือกที่จะเดินหน้าซื้อ JASIF ต่อ มีโอกาสที่ตลาดจะมองเป็นลบ และปรับลดประมาณการกำไรของ  ADVANC ลงได้  เพราะหากเลือกเดินหน้าต่อ และไม่ได้แสดงถึง Synergyที่ชัดเจนในการชดเชยค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น  ฝ่ายวิจัยจะปรับลดกำไร ADVANC ลง 1,000-2,000 ล้านบาทต่อปี

“ตอนนี้เรายังไม่ได้ใส่ผลกระทบจากดีล ADVANC ซื้อ JASIF เข้าไว้ในประมาณการของเรา ดังนั้น การไม่ได้ทำดีลต่อ จึงยังไม่มีผลกระทบกับการประมาณการของเราในตอนนี้เช่นกัน”

นายศุภชัย กล่าวว่า   ลำดับถัดไป  คงติดตามการตัดสินใจของบอร์ด ADVANC ว่าจะเดินหน้าดีลต่อหรือไม่ โดยที่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น คือ ค่าเช่าบนสัญญาประกันรายได้ปีละ 3,000 ล้านบาทจนถึงปี 2568 และลดลงเหลือปีละ 1.4 พันล้านบาท ตั้งแต่ปี 2568-2575 

โดยการตัดสินใจของบอร์ด ADVANC จึงขึ้นอยู่ว่า บอร์ดประเมินความสามารถในการหาประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับผู้นำตลาดบรอดแบนด์อย่าง  TRUE ,  Synergy สามารถลดต้นทุนอื่นๆและการแข่งขันที่จะลดลงในระยะยาวจะมากเพียงพอชดเชยต้นทุนส่วนเพิ่มหรือไม่ 

สำหรับขณะนี้ฝ่ายวิจัยคงประมาณการคำแนะนำซื้อหุ้นADVANC โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 240 บาท ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันให้เงินปันผลคาดหวังที่ 4.2% และราคาซื้อขายไม่แพงเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และยังมีลุ้นกับการควบรวม ของ TRUE และ DTAC ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ หากมีความคืบหน้า ADVANC จะได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นหากราคาหุ้นอ่อนตัว เป็นโอกาสสะสม โดยระดับราคาที่180 บาท น่าสนใจทยอยเข้าสะสม  และเรายังให้น้ำหนักกับการรวมตลาดบริการมือถือมากกว่าดีลของ ADVANC กับ JASIF เราไม่มีคำแนะนำ และประมาณการอย่างเป็นทางสำหรับ JASIF 

สำหรับในเชิงกลยุทธ์ เราคาดราคา JASIF จะมีแรงเก็งกำไรจากนักลงทุนบางกลุ่มที่มองว่า JASIFจะกลับไปจ่ายปันผลที่ ระดับ 0.9 บาทต่อหน่วยได้ในระยะสั้น แต่เรามองว่า ตลาดกังวลกับความสามารถในการแข่งขันของ JAS ในระยะยาว ที่อาจกระทบการจ่ายปันผลของ JASIF ทำให้การปรับขึ้นเป็นจังหวะที่ดี ที่จะลดน้ำหนักการลงทุนใน JASIF  

“ราคาหุ้นJASที่ปรับตัวลงวานนี้ เพราะ ความกังวลของตลาด ที่มองว่าหากดีลนี้ไม่ไปต่อ  คาดว่าราคาหุ้น JAS  น่าจะซึมไประยะหนึ่ง จนกว่า JAS  จะมีการปรับกลยุทธ์สร้างความสามารถรับการแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่ที่มีศักยภาพในตลาดสูงกว่าถึง 2 ราย  ”

 นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ADVANCยังเดินหน้าเข้าซื้อ JASIF และTTTBB ต่อไป เหตุผลสำคัญเนื่องจาก  การเข้าซื้อJASIF เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ ADVANC สามารถเพิ่มฐานลูกค้าในธุรกิจบรอดแบนด์ ได้ถึงในระดับที่มีโอกาสเกิด Economy of Scale     

รวมถึงธุรกิจบรอดแบนด์ไม่ใช่การแข่งขันสมบูรณ์แบบธุรกิจไร้สาย มีความได้เปรียบของคนที่เข้ามาในตลาดก่อน และมีโอกาสเจรจาปรับเงื่อนไขสัญญากับ JASIF ในอนาคตได้