AURA เคาะราคาไอพีโอ 10.90 บาท ต่อเข้าเทรด SET 29 พ.ย.นี้
“ออโรร่า ดีไซน์” กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 10.90 บาทต่อหุ้น จำนวนหุ้นไม่เกิน 334 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด พร้อมกับกำหนดระยะเวลาการเสนอขาย 21-23 พ.ย. 2565 คาดว่าเข้าซื้อขายวันแรกใน SET 29 พ.ย.นี้
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หลังจาก บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขออนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)
ล่าสุดได้รับการอนุมัติแบบคำขอฯ และแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับแล้ว จึงได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 10.90 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 21 - 23พฤศจิกายน 2565 และคาดว่าเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 29พฤศจิกายน 2565
โดยมีมูลค่าระดมทุนในครั้งนี้จะอยู่ที่ 3,640.60 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำเงินไปใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายสาขาราว40-80 ล้านบาท ,ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการซื้อสินค้าเพื่อจำหน่าย และขยายพอร์ตธุรกิจขายฝากราว 1,825.78 - 1,865.78 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ราว 1,646 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท ร่วมกับผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายได้กำหนดราคาหุ้นสามัญที่จะเสนอขายในครั้งนี้ที่ราคา 10.90 บาทต่อหุ้น โดยได้พิจารณาจากราคาและจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามาโดยเป็นราคาที่จะทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินตามจำนวนที่ต้องการ และยังมีความต้องการซื้อหุ้นเหลืออยู่มากพอในระดับที่คาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพในตลาดรอง
หากพิจารณากำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2565) ซึ่งเท่ากับ 721.50 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 1,334,000,000 หุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.54 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) ประมาณ 20.15 เท่า
ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
นายอนิวรรต ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AURA เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมาย 2 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2567 ตั้งเป้าเปิดสาขาครบ 409 แห่ง ปัจจุบันมีสาขา 266 แห่ง และยอดขายต่อสาขา ควบคู่กับการขยายช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online) ผ่านทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียของบริษัทฯ และมาร์เก็ตเพลส เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันใหม่สำหรับส่งเสริมการขายสินค้าและสร้าง พร้อมกับเร่งขยายพอร์ตลูกหนี้ขายฝากทองถึง 3,800 ล้านบาท จาก 9 เดือนปีนี้อยู่ที่ 1,900 ล้านบาท ขยายสาขาในพื้นที่หัวเมืองใหญ่
นายยศรัณย์ วัณณะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินและการลงทุน AURA กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัท มีศักยภาพทั้งการเติบโตรายได้และกำไรสุทธิ โดยรายได้หลักมาจากการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์โมเดิร์น โกลด์ ทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ 96.5% ได้แก่ สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ และการขายทองคำแท่งสถานะการรับซื้อสุทธิและมีการส่งมอบแล้ว ปัจจุบันมีฐานลูกค้า 680,000 ราย
ช่วง 9 เดือนปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 21,000 ล้านบาท เติบโต 45%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และในช่วง3ปีที่ผ่านมานี้ รายได้ยังเติบโต 40-45% ต่อปี ถึงแม้มีสถานการณ์โควิดระบาด และราคาทองผันผวน
และมีรายได้ดอกเบี้ยรับ จากธุรกิจขายฝากทอง 162.3 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 119 ล้านบาท จากพอร์ตลูกหนี้ขายฝากทองทั้งสิ้น 1,900ล้านบาท เพิ่มขึ้น 700 ล้านบาทจากช่วงต้นปีนี้อยู่ที่ 1,200ล้านบาท
ทางด้านศักยภาพการทำกำไร มุ่งเน้นการเติบโตจากการขยายสาขาทั่วประเทศและเพิ่มยอดขายต่อสาขาขณะเดียวกันลักษณะของธุรกิจสามารถทำกำไรได้ทั้งราคาทองขาขึ้นและขาลง โดย9เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิ 495.5 ล้านบาท เติบโต 35% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 365.1 ล้านบาท