ดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบแคบ 45 จุด หุ้นพลังงานฉุดตลาด หลังราคาน้ำมันทรุด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(21พ.ย.)ปรับตัวร่วงลง 45 จุด ขณะที่หุ้นพลังงานดิ่งลงนำตลาด หลังราคาน้ำมันทรุดตัวลงอย่างหนักในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 45.41 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 33,700.28 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 15.40 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 3,949.94 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 121.55 จุด หรือ 1.09% ปิดที่ 11,024.51 จุด
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าดิ่งลงอย่างหนัก ล่าสุด น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสหลุดระดับ 76 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุด 84 ดอลลาร์ หลังมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กำลังหารือกันเกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิต
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียและสมาชิกโอเปกกำลังหารือกันเกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วันในการประชุมนโยบายการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 ธ.ค.
วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า โอเปกหารือเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าว หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ แจ้งต่อผู้พิพากษาศาลสหรัฐว่า เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ควรได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองจากการถูกดำเนินคดีในสหรัฐกรณีมีส่วนพัวพันกับการสังหารนายจามาล คาชอกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย
รายงานระบุว่า ท่าทีที่ผ่อนคลายลงของปธน.ไบเดนได้สร้างความพอพระทัยต่อเจ้าชายบิน ซัลมาน และจะเป็นการย้ำสถานะของพระองค์ในการเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่คดีดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย
ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสสร้างความไม่พอใจต่อสหรัฐ หลังประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมวันที่ 5 ต.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดของโอเปกพลัสนับตั้งแต่ปี 2563 และเป็นการปรับลดกำลังการผลิตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แม้ว่าปธน.ไบเดน ต้องการให้มีการเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นจะกระทบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลที่ว่าการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน จะทำให้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน
ราคาหุ้นของบริษัทวอลท์ ดิสนีย์พุ่งขึ้นกว่า 8% ในวันนี้ ขานรับการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนายบ็อบ ไอเกอร์
ทั้งนี้ บริษัทดิสนีย์ออกแถลงการณ์วานนี้ ระบุว่า ทางบริษัทได้แต่งตั้งนายไอเกอร์ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารอีกครั้ง โดยมีผลในทันที หลังการประกาศลาออกของนายบ็อบ ชาเปก
นายชาเปกได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อจากนายไอเกอร์ในเดือนก.พ.2563 แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการตัดสินใจหลายอย่างภายใต้การบริหารของเขา ขณะที่ราคาหุ้นร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
นักวิเคราะห์คาดว่าการกลับมาของนายไอเกอร์จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน โดยนายไอเกอร์เคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดิสนีย์นานถึง 15 ปี โดยมีผลงานในการเข้าซื้อกิจการ Pixar, Lucasfilm และ Marvel ซึ่งต่างก็เป็นสินทรัพย์ที่ทำเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้แก่ดิสนีย์
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ(23พ.ย.) เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์(25พ.ย.)