“4 รายใหญ่” ฟันธงดัชนัหุ้นไทยฟื้น รับเศรษฐกิจโตเด่น
“4เซียน” ฟันธงหุ้นไทยฟื้นเด่น พร้อมเปิดสูตร “รวย” 6 เดือนแรก ยกธีมท่องเที่ยว-เลือกตั้ง ยอมรับปีนี้ดัชนีฯ ยังไซด์เวย์ แต่ตลาดก็ไม่ได้ “แย่” เหตุรับอานิสงส์เศรษฐกิจไทยขยายตัว
ตลาดหุ้นปีเสือ (2565) ต้นปีกับปลายปีดัชนีใกล้เคียงกันมาก SET Index ปิดสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 1,668.66 จุด ระหว่างปีขึ้นไป “จุดสูงสุด” (New High) ของปีที่ระดับ 1,713.20 จุด (18 ก.พ. 2565) และ ทำ “จุดต่ำสุด” (New Low) ของปี 1,533.37 จุด (15 ก.ค.2565) เมื่อ “กรุงเทพธุรกิจ” สอบถามนักลงทุนรายใหญ่ระดับแนวหน้า ต่างให้นิยามตลาดหุ้นไทยปี 2565 ว่า “ย้ำอยู่กับที่” และให้มุมมองการลงทุนในปีกระต่าย (2566) ว่า เป็นอีกหนึ่งปีของความ “ผันผวน!!”
“ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” นักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ วีไอ วิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยปี 2566 ว่า ตลาดหุ้นไทย ยังไม่มีปัจจัยใหม่โดดเด่นต่างจากปี 2565 ที่ตลาดหุ้นปีก่อนถือว่า “ย้ำอยู่ที่เดิม” ดังนั้น ในปี 66 ตลาดหุ้นไทน่าจะฟื้นตัวจากปีก่อน โดยภาพรวมได้อานิสงส์จากภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่องจากปี 65 โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวเดียว ดังนั้น คาดว่าดัชนี SET INDEX มีโอกาสเห็นระดับ 1,700-1,800 จุด
และอีกปัจจัยที่น่าจะเข้ามาคือ การเลือกตั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้นน่าจะทำให้ตลาดมีความคึกคักได้ เพราะว่าอาจจะเป็นความหวังใหม่ที่จะเข้ามากระตุ้น
สำหรับ หุ้นกลุ่มที่โดดเด่นปี 66 จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่อิงกับการบริโภคในประเทศ เนื่องจากเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยจำนวนมากก็จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย แม้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เชื่อว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวดี เพราะว่าคนอั้นจากการไม่ได้เดินทางมาหลายปีแล้ว
“เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” นักลงทุนรายใหญ่ เจ้าของพอร์ตลงทุน “หลักพันล้าน” มีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยปี 2566 ว่า ทิศทางดัชนีหุ้นไทยจะเป็นลักษณะ “ไซด์เวย์” เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนของการลงทุน แต่บรรยากาศการลงทุนน่าจะคึกคัก ด้วยปัจจัยประเทศไทยปีหน้าจะมีการเลือกตั้งใหญ่ โดยคาดว่าช่วงดังกล่าวนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ จะหยิบยกนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาหาเสียงกันเต็มที่
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดี จากการคาดการณ์ประเทศจีนจะเปิดประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไทยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปีหน้าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน ดังนั้น คาดว่าในช่วงครึ่งแรกปี 66 อาจจะมีโอกาสเห็นดัชนี SET INDEX แตะ 1,700 จุด แต่ภายใต้สมมุติฐานประเทศไทยต้องมีการเลือกตั้งใหม่
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้อง “จับตาใกล้ชิด” โดยเฉพาะนโยบายการเงินของ 2 ประเทศ คือ “ญี่ปุ่นและสหรัฐ” โดยหากญี่ปุ่นมีนโยบายการเงินในการขึ้นดอกเบี้ยอาจจะทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้น และต้องรอดูนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยจะไปทางไหน
สำหรับ หุ้นกลุ่มที่โดดเด่นปี 66 จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ เช่น ท่องเที่ยว , โรงแรม กลุ่มบริโภคในประเทศ เนื่องจากคาดกำลังซื้อจะดีขึ้น จากทิศทางเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดี และหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้ง
“อนุรักษ์ บุญแสวง” หรือ “โจ ลูกอีสาน” นักลงทุนรายใหญ่อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ วีไอ ให้มุมมองตลาดหุ้นไทยปี 2566 ว่า ทิศทางตลาดหุ้นยังเป็นลักษณะดัชนีไซด์เวย์ต่อเนื่อง แต่คาดว่าจะมีโอกาสเห็นดัชนีแตะ 1,700 จุด ซึ่งระหว่างทางก็ยังมีปัจจัยกระทบต่อบรรยากาศลงทุนอยู่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทยก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลบวกแรง
ทั้งนี้ หากดูในมุมของภาพรวมเศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัวดีจากภาพของการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก โดยเฉพาะหากประเทศจีนมีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวออกนอกประเทศมากขึ้น และปัจจัยการเลือกตั้งใหญ่ในประเทศ โดยคาดว่าช่วงนั้นนโยบายการเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ จะเน้นชูนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่
สำหรับ หุ้นกลุ่มแนะนำลงทุนในปี 66 เด่นคงต้องยกให้กลุ่มท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ต้องเลือกเป็นรายตัว เพราะหุ้นบางตัวก็ปรับตัวขึ้นไปรับข่าวค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งนักลงทุนต้องไปเลือกดูหุ้นตัวที่ปรับขึ้นยังไม่มาก และหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง
“เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิรพงศ์” นักลงทุนรายใหญ่ ให้มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยปี 2566 ว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีลักษณะไซด์เวย์ ซึ่งทิศทางการลงทุนจะไม่ได้แย่เหมือนปี 2565 โดยมีมุมบวกในการลงทุนมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังเปิดประเทศส่งผลให้นักท่องเที่ยวเข้าไปจำนวนมาก และหากในปี 66 ประเทศจีนเปิดประเทศก็จะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 65 แน่นอน
“ปี 66 ภาพรวมเศรษฐกิจจะถูกขับเคลื่อนด้วยภาคท่องเที่ยวเป็นหลัก เพราะส่งออกก็ไม่ได้ดีมาก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทั้งสหรัฐและยุโรป”
สำหรับ หุ้นกลุ่มแนะนำลงทุนในปี 66 เด่นคงต้องยกให้กลุ่มที่ได้อานิสงส์จากท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ต้องเลือกเป็นรายตัว เพราะหุ้นบางตัวก็ปรับตัวขึ้นไปรับข่าวค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งนักลงทุนต้องไปเลือกดูหุ้นตัวที่ปรับขึ้นยังไม่มาก
‘หุ้นไทย’ โกยกำไร ขาดทุนตลาดต่างประเทศ
“ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ วีไอ บอกว่า สำหรับ “ผลตอบแทน” (รีเทิร์น) ในปี 2565 ภาพรวมพอร์ตลงทุนบวก 4-5% หากไม่รวมผลตอบแทนตลาดหุ้นเวียดนามบวกเกือบ 10% แต่ปี 65 ตลาดหุ้นเวียดนามมีผลตอบแทนติดลบ 30% แต่พอร์ตส่วนตัวที่ลงทุนในหุ้นเวียดนามติดลบไม่ถึงระดับดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม แต่ผลตอบแทนก็ติดลบเป็นตัวเลขสองหลัก
“ปี 65 คงต้องบอกว่าวิกฤติตลาดหุ้นเวียดนาม เนื่องจากดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นมาสูงมาก ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็ติดลบแต่น้อยกว่าตลาดเวียดนาม แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้ลดพอร์ตลงทุนในหุ้นเวียดนาม เนื่องจากมองว่าเป็นปัจจัยลบระยะสั้น อนาคตตลาดน่าจะฟื้นตัวขึ้น”
“เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” นักลงทุนรายใหญ่ เจ้าของพอร์ตลงทุน “หลักพันล้าน” บอกว่า สำหรับ “ผลตอบแทน” ในปี 2565 ภาพรวมพอร์ตลงทุนกำไร “เสมอตัว” หรือเป็น “บวก1%” ซึ่งถือว่ายัง ชนะผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีฯ ติดลบ ซึ่งยอมรับว่าการลงทุนในตลาดหุ้นปี 65 ค่อนข้างยาก เพราะตลาดมีความผันผวนสูงมาก เนื่องจากมีหลากหลายปัจจัยทั้งลบและบวกเข้ามากระทบต่อบรรยากาศการลงทุน
“อนุรักษ์ บุญแสวง” หรือ “โจ ลูกอีสาน” นักลงทุนรายใหญ่อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ วีไอ บอกว่า สำหรับผลตอบแทนลงทุนปี 2565 พอร์ตติดลบเป็นตัวเลข “สองหลัก” แต่ติดลบไม่ถึง 20% โดยปี 65 ที่พอร์ตลงทุนติดลบค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศสัดส่วนมาก แบ่งเป็นลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัดส่วน 45% และในตลาดต่างประเทศ 55% ซึ่งตลาดที่ลงทุนส่วนใหญ่ภาพรวมจะติดลบ เช่น ตลาดเวียดนาม , ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นสหรัฐ
“เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิรพงศ์” นักลงทุนรายใหญ่ บอกว่า สำหรับผลตอบแทนลงทุนปี 2565 พอร์ตลงทุนภาพรวม “กำไรเล็กน้อย” เนื่องจากหุ้นที่ลงทุนในพอร์ตปรับตัวขึ้นมาพอสมควร โดยเฉพาะหุ้น บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM ที่ราคาหุ้นฟื้นตัว ทำให้พอร์ตดีขึ้น
ทั้งนี้ มองปี 66 การลงทุนในตลาดหุ้นไทยผลตอบแทนหวือหวายาก ดังนั้น กำลังมองการลงทุนใน “ตลาดหุ้นจีน” ที่คาดว่าจะมีการฟื้นตัวโดดเด่น จากปี 65 ที่ดัชนีหุ้นจีนปรับตัวลงไปค่อนข้างลึกมา และเชื่อหลังประเทศจีนมีการปลดล็อกมาตรการโควิด-19 แล้ว เศรษฐกิจจะฟื้นตัวรวดเร็วโดยคาดปีนี้จะเปิดประเทศให้คนจีนเดินทางมากขึ้น