ต่างชาติ ล็อกกำไร'ค่าเงิน-ดัชนี' เทขายหุ้นไทย ต้นเดือนก.พ.เฉียด 2 หมื่นล้าน
"ต่างชาติ" พลิกเทขาย"หุ้นไทย" ต้นเดือนก.พ.1.98 หมื่นล้าน "บล.ยูโอบี" ชี้ ขายเพื่อล็อกกำไร หลัง 3 เดือน กำไร"ค่าเงิน-ดัชนี" ราว 24% บล.หยวนต้า ชี้ ขายทำกำไรระยะสั้น เชื่อทั้งปีนี้ซื้อสุทธิ 4-5หมื่นล้าน
เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์)ในช่วงเดือนม.ค.2566 ยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ซื้อสุทธิ 2.02 แสนล้านบาท ซึ่งในเดือนม.ค.2566 ซื้อสุทธิ 1.73 หมื่นล้านบาท แต่พอจะเข้าเดือนก.พ.นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิติดต่อกัน 10 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-10 ก.พ . มูลค่า 2.37 หมื่นล้านบาท แต่หากนับเฉพาะเดือนก.พ. 1-10 ก.พ. หรือ 8 วันทำการขายสุทธิติดต่อกัน 1.98 หมื่นล้านบาท
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย กล่าวว่า การพลิกกลับมาขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติติดต่อกัน 10 วันทำการ(30 ม.ค.-10 ก.พ.)ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยมาต่อเนื่อง โดยเป็นการขายเพื่อล็อกกำไร เพราะ ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วจาก 38 บาท ไปแตะ 32 บาท หรือเพิ่มขึ้น 15% ทำให้ได้กำไรจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า
รวมถึงดัชนีหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านปรับเพิ่มขึ้น 9% ทำให้นักลงทุนต่างชาติได้ผลตอบแทนรวมราว24% และ ทิศทางค่าเงินบาทมีโอกาสน้อยที่จะแข็งค่ามากกว่า 32 บาท จึงทำให้ขายออกไปเพื่อทำกำไร
อย่างไรก็ตามในปีนี้ เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังคงซื้อสุทธิหุ้นไทย แต่เม็ดเงินที่ซื้อสุทธิจะไม่เท่ากับปี 2565 ที่ซื้อสุทธิถึง 2 แสนล้านบาท เพราะ นักลงทุนต่างชาติมีการปรับพอร์ตหันไปลงทุนไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน หลังจากเปิดประเทศหนุนเศรษฐกิจเติบโต และราคาหุ้นยังถูก ขณะที่สหรัฐคาดว่าเศรษฐกิจจะไม่ถดถอย เพียงแค่ชะลอตัวเท่านั้น ส่วนเศรษฐกิจยุโรปคาดจะผ่านช่วงเศรษฐกิจถดถอยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566
"ปีนี้เชื่อว่าต่างชาติยังคงซื้อสุทธิหุ้นไทย เพราะด้วยจุดแข็งที่ประเทศไทยมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีทุนสำรองสูง มีหนี้ต่อจีดีพีที่ต่ำ กำไรบจ.เติบโต และไทยจะมีการเลือกตั้ง ส่งผลดีต่อการบริโภค"
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ช่วงต้นเดือนก.พ.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 19,827.31 ล้านบาท ซึ่งขายมากกว่าที่ซื้อสุทธิทั้งเดือนม.ค. 2566ที่มีมูลค่า 18,343.56 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่ฟันด์โฟลว์ไหลออก ดังนี้
1.สหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะยังคงขึ้นดอกเบี้ย และทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกสักระยะ
2.ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จากคาดเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐ ชะลอตัวไม่รุนแรง
3.ผลประกอบการบจ.ที่ประกาศออกมานั้น สร้างความผิดหวังแก่นักลงทุนต่างชาติ เช่น กลุ่มแบงก์ที่ต่างชาติเข้าซื้อในช่วงที่ผ่านมาจำนวนมาก
4. การเลือกตั้ง แม้จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจนวันที่ 7 พ.ค. แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการยุบสภาเมื่อไร ทำให้ความน่าสนใจจากการเกิด Election Rally ลดลง
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการขายของนักลงทุนต่างชาติจะเป็นระยะสั้น เพราะ เศรษฐกิจไทยเติบโต ท่องเที่ยวฟื้นตัวดี ส่งผลค่าเงินบาทแข็งค่า และไทยกำลังมีการเลือกตั้ง ทำให้ทั้งปีนี้คาดต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยอยู่ แต่ยอดซื้อสุทธิในปีนี้ จะไม่เท่ากับปี 2565 ที่ซื้อสุทธิถึง 2 แสนล้านบาท เพราะ ในช่วงโควิดปี 2563 และ2564 ต่างชาติขายสุทธิราว 3 แสนล้านบาท และปี 2565 ซื้อสุทธิกลับมา 2 แสนล้านบาท ทำให้ยังเหลือยอดซื้อสุทธิได้อีก 1 แสนล้าน แต่ด้วยสถานการณ์โลกในปัจจุบันมีแนวโน้มดีขึ้นทำให้มีโอกาสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยราว 4-5 หมื่นล้านบาท