บล.เอเซีย พลัส หั่นกำไรบจ.ปี66เหลือ 1.12 ล้านล้าน หลังไตรมาส4/65ต่ำคาด

บล.เอเซีย พลัส หั่นกำไรบจ.ปี66เหลือ 1.12 ล้านล้าน หลังไตรมาส4/65ต่ำคาด

บล.เอเซีย พลัส หั่นคาดการณ์กำไรบจ.ปีนี้ลง11.81% เหลือ 1.12 ล้านล้าน จากเดิม 1.27 ล้านล้าน หลังไตรมาส4/65 วูบ45% ฉุดเป้าดัชนีปีนี้เหลือ 1,610 จุด แนะเป็นจังหวะเข้าซื้อ บล.ทิสโก้ อยู่ระหว่างปรับลดประมาณการ บล.ยูโอบีฯ  เชื่อปี 66 กลุ่มค้าปลีก ขนส่งโตเด่น

จบไปแล้วสำหรับการประกาศผลดำเนินงานไตรมาส4 ปี 2565ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ซึ่งส่วนใหญ่กำไรออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่สูงถึงระดับ40% ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์ ต้องปรับลดประมาณการกำไรบจ.ปีนี้ 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานบจ.ไตรมาส4 ปี 2565 ที่ประกาศออกมาแล้วจำนวน  538 บริษัท คิดเป็น 92% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) มีกำไรสุทธิ143,768 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 35% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มีกำไร 222,676 ล้านบาท และลดลง 45% เมื่อเทียบกับไตรมาส4 ปี 2564 ที่มีกำไร 263,043 ล้านบาท

ดังนั้น บล.เอเซีย พลัส ได้มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลง 11.81% มาอยู่ที่ 1.12 ล้านล้านบาท จาก 1.27 ล้านล้านบาท ซึ่งปรับลดลงไม่มาก เพราะหากดูจากข้อมูลกำไรที่บจ.แจ้ง พบว่างวดไตรมาส4 ปี 2565 มีรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสูงถึง 60,000ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าในงวดปีนี้จะไม่มีรายการพิเศษเกิดขึ้นอีก

รวมถึงฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรบจ.จะฟื้นตัวได้ในช่วงในไตรมาส 1ปีนี้ เพราะ คาดการอุปโภคและการลงทุนภาครัฐจะดีขึ้น หลังจากที่ไตรมาส4ปี 2565 ลดลง 8% และการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนน่าจะดีขึ้น ซึ่งกลุ่มที่จะเติบโตดีในปีนี้ คือ กลุ่มค้าปลีก

นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า จากที่บริษัทได้มีการปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลงนั้น  ทำให้ EPS ลดลง จาก 99.2 บาทต่อหุ้น เหลือ 91.8 บาทต่อหุ้น ขณะที่ค่า P/E อยู่ที่ 17.54 เท่า ทำให้เป้าหมายดัชนีปีนี้ลดลงเหลือ 1,610 จุด จากเดิมคาด 1,667-1,740 จุด 

“เดิมคาดว่าจะปรับประมาณกำไรบจ.ปีนี้เสร็จช่วงกลางเดือนมี.ค.แต่ทางฝ่ายวิจัยได้เร่งทำเพื่อให้รู้ว่าเป้าหมายดัชนีปีนี้จะปรับลดเหลือเท่าไร เพื่อที่จะได้แนะนำนักลงทุนได้  ซึ่งเรามองว่าเมื่อดัชนีลงมาที่ระดับ 1,640 จุด เชื่อดาวน์ไซด์จำกัด จึงเป็นโอกาสเข้าทยอยสะสม"

อย่างไรก็ตามงบไตรมาส4 ปี 2565 กลุ่มที่กำไรปรับตัวลดลงแรงมีจำนวน 13 กลุ่ม  ซึ่งกลุ่มที่ขาดทุนคือ ปิโตรเคมี  เหล็ก  ไอซีที  

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า  บริษัทอยู่ระหว่างปรับลดประมาณการกำไรบจ.ปีนี้ลง ซึ่งเดิมคาดEPSปีนี้อยู่ที่  95 บาทต่อหุ้น  แต่ยังไม่มีผลต่อการปรับเป้าดัชนีปีนี้ เพราะเราไม่ได้ประมาณการไว้สูงมาก

สำหรับ แนวโน้มกำไรบจ.ในไตรมาส1ปีนี้ คาดว่าจะฟื้นตัวได้จากไตรมาส4ปี 2565 ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์มาก  โดยหุ้นที่มีกำไรเติบโตดีในปีนี้ คาดเป็นกลุ่มที่เติบโตอิงกับเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างกลุ่มค้าปลีก  อาหาร และเฮลท์แคร์ 

     นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน  กล่าวว่า คาดกำไรบจ.ปีนี้จะโตได้ระดับ20% หากไม่นับรวมกับบริษัทในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี  โดยกลุ่มที่จะมีการเติบโตเด่น คือกลุ่มที่มีการเติบโตตามภาคการท่องเที่ยว  เช่น กลุ่มขนส่ง ค้าปลีก  ฯลฯ ซึ่งได้รับผลดีจาการเปิดเมือง ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น 

ส่วนกำไรบจ.ปีนี้ฝ่ายวิจัยยังไม่มีการปรับประมาณการ เพราะในปี 2565 ทางบล.ยูโอบีฯ คาดการณ์EPSอยู่ที่ 93-95 บาทต่อหุ้นอยู่แล้ว ขณะที่ปีนี้คาดอยู่ที่ 105 บาทต่อหุ้น หรือมีกำไร 9.27 แสนล้านบาท