หุ้นธนาคาร ‘Silvergate’ ร่วง 41.55% หลังมีข่าวปิดกิจการ

Silvergate Capital Corp หรือ SI ธนาคารที่เน้นให้บริการด้าน Crypto ระบุเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) มีแผนยุติการดำเนินกิจการ หลังจากลูกค้ารายใหญ่อย่าง FTX ประกาศล้มละลายเมื่อปลายปีที่แล้ว จนแซม แบงค์แมน ผู้ก่อตั้ง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีข้อหาด้านการทุจริตทางการเงินหลายกระทง 

เว็บไซต์อินเวสติง ดอทคอม รายงานภาวะหุ้นบริษัทดังกล่าววันนี้ (8 มี.ค.) ว่าย่อตัวลง 0.30 ดอลลาร์ หรือ 5.76% มาอยู่ที่ 4.91 ดอลลาร์ และในช่วงการซื้อขายนอกเวลาทำการ (After-hours Trading.) ของตลาดหุ้นสหรัฐ ราคาหุ้นร่วงต่ออีก  41.55% 

อนึ่ง ธนาคาร Silvergate เป็นธนาคารหลักที่ให้บริการด้านสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี ในแคลิฟอร์เนีย คู่กับธนาคาร Signature Bank ในนิวยอร์ก โดยธนาคาร Silvergate มีสินทรัพย์มากกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ 

ทั้งนี้ ธนาคาร Silvergate ออกแถลงการณ์ในกรณีดังกล่าวว่า “การยุติการดําเนินงานโดยสมัครใจครั้งนี้เป็นหนทางที่ดีที่สุด” โดยธนาคารมียอดขาดทุนสะสมในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนเร่งถอนเงินฝากออกจากบัญชีมากกว่า 8 พันล้านดอลลาร์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคาร Silvergate หยุดให้บริการ ‘Silvergate Exchange Network’ เครือข่ายการชำระเงินด้วยสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นหนึ่งบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ด้าน ราม อาห์ลูวาเลีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก ‘Lumida Wealth’ บริษัทให้คำปรึกษาด้านการลงทุนเชิงดิจิทัล ระบุว่า แม้ความเสี่ยงเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจะน้อยมาก เนื่องจากธนาคาร Silvergate ชี้ชัดว่าจะคืนเงินให้กับผู้ฝาก และการกู้ยืมเงิน แต่การสูญเสียของเครือข่ายการแลกเปลี่ยนของธนาคารนั้นก็เป็นเรื่องมีผลกระทบพอสมควร 

“ผมมองว่าเป็นการสูญเสียเชิงกลยุทธ์ ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้บริการด้านสกุลเงินดิจิทัล อย่างสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี”

ในขณะที่เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) องค์กรประกันเงินฝากของสหรัฐอเมริกา (FDIC) ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว พร้อมระบุว่า “อยู่ในช่วงหารือกับ ธนาคาร Silvergate เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดระบบ”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์