เปิด ‘7 หุ้นสัมปทานรัฐ’ กลุ่มพลังงานฯ ‘ของต้องห้าม’ นักการเมือง
ตลาดหลักทรัพย์ได้มีประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่รายงานว่า มีสัมปทานจากรัฐหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับ รัฐอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ทั้งหมด 46 หลักทรัพย์ ที่เป็นของต้องห้ามของนักการเมือง มี 7 หลักทรัพย์ที่อยู่ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค
เข้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างเต็มตัว เมื่อเว็บไซต์ราชกิจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีการยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 โดยบรรดานักเลือกตั้งต้องรีบเคลียร์ทรัพย์สินของตัวเองว่า มีการถือครองหุ้นที่เป็นหุ้นสัมปทานจากรัฐ หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือไม่
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 184 ระบุว่า ห้ามไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐหรือเป็นคู่สัญญากับรัฐ ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งไม่ขัดขวางหรือแทรกแซงการใช้สิทธิหรือเสรีภาพของหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนโดยมิชอบ
ล่าสุด ณ วันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้มีประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่รายงานว่า มีสัมปทานจากรัฐหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับ รัฐอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ทั้งหมด 46 หลักทรัพย์ โดย "กรุงเทพธุรกิจ" ได้คัดหุ้นสำคัญ ที่อยู่ในหมวดอุตสหกรรกรรมพลังงานและสาธารณูปโภค มีทั้งหมด 7 หลักทรัพย์ ที่เป็นของต้องห้ามของนักการเมือง มีดังนี้
(ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 20 มี.ค.66)
1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT
- มาร์เก็ตแคป 856,889.89 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ กระทรวงการคลัง
- รายได้ ปี 2565 ที่ 3,391,622.87 ล้านบาท
- กำไร ปี 2565 ที่ 91,174.86 ล้านบาท
- P/E 9.40 เท่า
- P/BV 0.81 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน YTD 6.67%
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 39.75 / 29.50 บาท
- ราคาปิด 30.00 บาท
2.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP
- มาร์เก็ตแคป 539,918.01 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
- รายได้ ปี 2565 ที่ 339,901.86 ล้านบาท
- กำไร ปี 2565 ที่ 70,901.34 ล้านบาท
- P/E 7.62 เท่า
- P/BV 1.16 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน YTD 6.80%
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 195.00 / 134.50 บาท
- ราคาปิด 136.00 บาท
3.บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC
- มาร์เก็ตแคป 198,389.36 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
- รายได้ ปี 2565 ที่ 687,899.45 ล้านบาท
- กำไร ปี 2565 ที่ -8,752.21 ล้านบาท
- P/E - เท่า
- P/BV 0.68 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน YTD 2.27%
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 52.75 / 39.75 บาท
- ราคาปิด 44.00 บาท
4.บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) TTW
- มาร์เก็ตแคป 34,314.00 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ บริษัท มิตซุย วอเตอร์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
- รายได้ ปี 2565 ที่ 5,704.86 ล้านบาท
- กำไร ปี 2565 ที่ 2,967.05 ล้านบาท
- P/E 11.57 เท่า
- P/BV 2.33 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน YTD 6.98%
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 11.20 / 8.15 บาท
- ราคาปิด 8.60 บาท
5.บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BAFS
- มาร์เก็ตแคป 20,081.13 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- รายได้ ปี 2565 ที่ 2,410.28 ล้านบาท
- กำไร ปี 2565 ที่ -281.43 ล้านบาท
- P/E - เท่า
- P/BV 4.41 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน YTD -%
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 34.75 / 25.25 บาท
- ราคาปิด 31.50 บาท
6.บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) EASTW
- มาร์เก็ตแคป 8,285.35 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ การประปาส่วนภูมิภาค
- รายได้ ปี 2565 ที่ 4,366.64 ล้านบาท
- กำไร ปี 2565 ที่ 704.61 ล้านบาท
- P/E 11.76 เท่า
- P/BV 0.73 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน YTD 4.22%
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 7.65 / 4.78 บาท
- ราคาปิด 4.98 บาท
7.บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) SOLAR
- มาร์เก็ตแคป 772.66 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ น.ส. ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา
- รายได้ ปี 2565 ที่ 272.44 ล้านบาท
- กำไร ปี 2565 ที่ -167.14 ล้านบาท
- P/E - เท่า
- P/BV 1.49 เท่า
- อัตราเงินปันผลตอบแทน YTD - %
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 1.43 / 0.64 บาท
- ราคาปิด 0.71 บาท