ปิดจ๊อบ ‘อภิสิทธ์’ คืนฉากหน้า จับตา ‘บิ๊กดีล’ ปชป.-ขั้วการเมือง
เมื่อการเมือง บีบให้ต้องเลือกข้างระหว่าง “ค่ายป.อนุรักษ์(นิยม)” และ “ค่ายส.ทักษิณ” จุดนี้เองที่กลายเป็น "ประตูปิดกั้น" การคืนสู่ฉากหน้าของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ "
“แนวคิดของผมหลายๆ เรื่องในระยะที่ผ่านมามันก็ไม่ได้ตรงหรือสอดคล้องกับการดำเนินการของพรรคมากนักตั้งแต่การเข้าไปร่วมรัฐบาล ฉะนั้น ถ้าผมลงสมัครรับเลือกตั้ง มันจะเกิดความสับสนได้ และจะเกิดความไม่เป็นเอกภาพขึ้นซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นผลดีกับพรรค”
ประโยคสำคัญจากปาก “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นับเป็นการยืนยันถึงความพยายามในการปั้น อดีตนายกฯ และอดีตผู้นำค่ายสีฟ้าผู้นี้ คืนสู่ฉากหน้าการเมือง รวมถึงการหวนคืนในระดับคีย์แมนคนสำคัญ “ค่ายสีฟ้า”ประชาธิปัตย์
ท่าทีของอภิสิทธิ์ เกิดขึ้นภายหลังผู้นำพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ยืนยันถึงความชัดเจนในเรื่องนี้ซึ่งมีข้อสรุปตรงกันว่า “อภิสิทธิ์” ไม่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในรอบนี้ แต่ยังคงสถานะเป็นสมาชิกและ “ผู้ช่วยหาเสียง” ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เบื้องลึกเบื้องหลัง การตัดสินใจของ “อดีตผู้นำค่ายสีฟ้า” ผู้นี้ เริ่มส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนยุบสภาเพียงไม่กี่วัน เพราะมีคนตาดีแอบเห็น “อภิสิทธิ์” ดอดไปพบเพื่อหารือตัวต่อตัวกับ “ประธานชวน” ที่รัฐสภา แทนที่จะเป็นที่พรรค
เหตุการณ์ก่อนหน้ายุบสภาไม่กี่วันทิ้งไว้ซึ่งปริศนาถึงเนื้อหาในการหารือว่า2อดีตนายกฯและอดีตผู้นำฝ่ายสีฟ้า “เขาคุยอะไรกัน?”
ฉะนั้นแม้ “อภิสิทธิ์” จะบอกว่า ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน “ไม่มีความประสงค์” ลงสมัครเพื่อสร้างเงื่อนไข หรือสร้างความสับสนในเรื่องความเป็นเอกภาพให้กับพรรค
แต่การนัดหมายของ “อภิสิทธ์” และ “3 บิ๊กปชป.” ทั้งจุรินทร์ หัวหน้าพรรค รวมถึง ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค อีกรอบเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา และยังวันเดียวกับที่มีการประกาศยุบสภา ย่อมแฝงไปด้วย “นัยการเมือง” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเฉพาะ “สูตรจับมือการเมือง” ในขั้วรัฐบาลปัจจุบัน กับความพยายามในการดัน “พี่น้อง 2 ป.” ครองอำนาจการเมืองต่อ
ต้องไม่ลืมว่าในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 “อภิสิทธิ์”เคยประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน “ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี”
จนส่งผลทำให้ ปชป.เกิด “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญก่อนที่ต่อมาจะมีการเปลี่ยนหัว-ผ่าใหญ่ค่ายสีฟ้า
กระทั่ง ปชป.ภายใต้การนำของ “จุรินทร์” นำพาพรรคเข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ ในท้ายที่สุด
ขณะที่บทบาทของ “อภิสิทธิ์” ที่ถูกบีบให้ต้องถอยฉาก เดินสายนอกสภา ยังคงพยายามชูแนวคิด “เสรีประชาธิปไตย”
โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์สื่อหนึ่ง ตอกย้ำจุดยืนแบบเน้นๆ ถึงการแยกทางกับ 3 ป. หรือกลุ่ม “อนุรักษ์นิยม”แบบสุดโต่ง ฉะนั้นย่อมชัดเจนว่า หาก ปชป.ยังขืนดัน “อภิสิทธิ์”คืนฉากหน้า ย่อมเป็นอุปสรรคขัดขวางการจับขั้วทางการเมือง ไม่ว่า “ขั้วอนุรักษ์” ที่พยายามที่จะชู ป.ใด ป.หนึ่ง ขึ้นมาเป็นนายกฯก็ตาม
ไม่เว้นแม้แต่ช้อยที่ “คอการเมือง” บางสำนัก ประเมินเปอร์เซ็นความเป็นไปได้ที่อาจมีน้อย
นั่นคือสูตรสลับขั้วท่ามกลางกระแสข่าว “บิ๊กเนม” บินนอกพบคนแดนไกล ที่เล็ดลอดออกมาเมื่อหลายเดือนก่อนหน้า ที่ต้องไม่ลืมว่า “อภิสิทธิ์” คือภาพจำของการเมืองขั้วตรงข้ามในเหตุการณ์ชุมนุมปี53
ฉะนั้นเมื่อการเมืองรอบนี้ถูกบีบให้ต้องวางเดิมพันเลือกข้างระหว่าง “ค่ายป.อนุรักษ์(นิยม)” และ “ค่ายส.ทักษิณ” มากกว่าน้ำหนักการเมืองใน “ขั้วสายกลาง” จุดนี้เองที่กลายเป็นโจทย์เสมือนประตูปิดกั้นการคืนสู่ฉากหน้าของอภิสิทธิ์ ไปโดยปริยาย
เวลานี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ รวมถึงส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์จะไร้ซึ่งชื่ออภิสิทธิ์ หรือแม้แต่ตำแหน่ง “ผู้นำพรรค” ภายหลังการครบวาระ 4 ปีของ“จุรินทร์” ที่จะต้องมีการเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ ในช่วงเดือนพ.ค. ต้องลุ้นผลการเลือกตั้งควบคู่กัน
เมื่อเกมออกมาหน้านี้ ก็ถือว่า “อภิสิทธิ์”อาจต้องเว้นวรรคแบบยาวๆ ไปโดยปริยาย เพราะตามธรรมเนียม“ค่ายสีฟ้า”ยุคที่ผ่านมาไม่เคยมีหัวหน้าพรรคคนใดที่ขึ้นแท่นผู้นำโดยที่ไม่ได้เป็น ส.ส. เว้นเสียแต่ว่า ถึงเวลาจริงจะมีการหยิบยกเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่ง เพื่อยกเว้นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่เดิม หรือมีตำแหน่งพิเศษให้ ยามนั้นอภิสิทธิ์ก็ยังพอมีโอกาสกลับมายืนแถวหน้าการเมืองอีกครั้ง
อีกช็อตที่ต้องจับตาคือ “ตั๋วผู้แทนค่ายสีฟ้า” โดยเฉพาะบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ หลังการประกาศเว้นวรรคของ"อภิสิทธิ์" จะส่งผลให้ที่นั่งผู้แทนโซนวีไอพีว่างลง1ที่นั่ง ขณะที่ตามสูตรปชป.ลำดับที่1-3 จะแปะชื่อไว้ให้หัวหน้าและอดีตหัวหน้าไล่ตามลำดับตั้งแต่ “จุรินทร์” -“ชวน”-“บัญญัติ”
ขณะที่ลำดับที่4 ซึ่งแต่เดิมถูกจับตาว่าจะเป็นของ “อภิสิทธิ์” ไปจนถึงลำดับที่10 ซึ่งเป็นโซนสีเขียว รวมถึงลำดับที่11-20 ในโซนเหลือง ยามนี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวจาก “พลพรรคค่ายสีฟ้า” ในการจับจองที่นั่งกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว