MAKRO ตั้งงบ 2.5 หมื่นล้าน "ขยาย - ปรับปรุงสาขา" ค้าปลีก - ค้าส่ง
MAKRO เปิดแผนปี 66 วางงบลงทุนธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกรวมกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท มุ่งขยาย และปรับปรุงสาขา พัฒนาศูนย์กระจายสินค้า และระบบไอที-ดิจิทัล วางกลยุทธ์ O2O ตอบสนองเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่
นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวหลังจากเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ประเมินว่าจะส่งผลดีต่อแนวโน้มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงธุรกิจโฮเรก้า (โรงแรม ร้านอาหาร จัดเลี้ยง) ซึ่งเป็นฐานลูกค้าของบริษัท คาดว่าจะเติบโตดีกว่าที่ผ่านมา
แผนงานปี 2566 จึงวางงบลงทุนธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกรวม 25,300 - 27,500 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้จะใช้ในธุรกิจค้าส่งแม็คโคร 13,100 - 14,100 ล้านบาท และธุรกิจค้าปลีกโลตัส 12,200 - 13,400 ล้านบาท เพื่อการขยายสาขา พัฒนาศูนย์กระจายสินค้า พัฒนาระบบดิจิทัล และขยายธุรกิจใหม่
ทั้งนี้ ในปี 2566 ธุรกิจค้าส่งแม็คโครวางแผนเปิดสาขาใหม่ในประเทศไทย 12 สาขา และต่างประเทศ 4 - 6 สาขา ซึ่งเป็นประเทศที่แม็คโครขยายธุรกิจอยู่แล้ว ส่วนธุรกิจค้าปลีกโลตัส จะเปิดสาขาขนาดใหญ่แบบไฮเปอร์มาร์เก็ต 3 - 4 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ตในไทย และมาเลเซียรวม 10 - 14 สาขา และโลตัส โกเฟรช (Lotus's go fresh) 100 - 150 สาขา
นอกจากนี้หลังจากโลตัสได้เปิดสาขานอร์ธ ราชพฤกษ์ สาขาต้นแบบ "SMART Community Center" และได้รับการตอบรับที่ดี ได้วางแผนปรับ และเพิ่มพื้นที่ศูนย์การค้า หรือชอปปิงมอลล์ในโลตัสสาขาอื่นๆ ให้เป็น SMART Community Center เพื่อเป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน ของชุมชนรอบข้าง โดยมีร้านค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ สร้างประสบการณ์ใหม่ในการชอบปิง มุ่งเน้นเป็น "Inspiring Fresh & Food Destination" เป็นคอมมูนิตี้ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร และพื้นที่กิจกรรม เพื่อให้ลูกค้าใช้เวลาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
เนื่องจากต้องการมาเลือกซื้อสินค้า พบปะผู้คนเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ดี โดยแผนงานภายใน 3 ปีนับจากนี้จะปรับโฉม และเพิ่มพื้นที่ศูนย์การค้าในโลตัส 146 สาขา ควบคู่กับการพัฒนาโครงการใหม่ ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตร ถึงกว่า 10,000 ตารางเมตร ขึ้นกับทำเล กลุ่มเป้าหมาย และกำลังซื้อ
ทั้งนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์ O2O (Online to Offline) เพื่อผสานช่องทางขายออนไลน์ และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อตอบสนองเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า พร้อมนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อออกแบบแคมเปญให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มโอกาสขายสินค้าแก่เอสเอ็มอี
โดยแม็คโครได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน Makro PRO ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม "สั่ง-ขาย-คุ้ม อย่างโปรในแอปเดียว" ด้วยการผสานเทคโนโลยีกับเครือข่ายสาขาของแม็คโครที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อทำค้าปลีกแบบออมนิชาแนล (Omni-channel Retail) โดยลงทุนปรับพื้นที่ในสาขาที่มีศักยภาพกว่า 100 สาขา เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าขนาดย่อย รองรับการแพ็กสินค้า และจัดส่งแก่ลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการขยายสาขาใหม่ของแม็คโคร จะทำให้มีพื้นที่รองรับการแพ็กสินค้าและจัดส่ง
"คาดตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2566 เติบโตสูงกว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อขั้นพื้นฐาน โดยสถานการณ์ 2 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกมียอดขายสาขาเดิมเติบโตได้ดี" นางเสาวลักษณ์ กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์