โหมดเงียบเหงา |ออฟเรคคอร์ด

โหมดเงียบเหงา |ออฟเรคคอร์ด

“สัญญาณวอลุ่มเบาบาง” และเงียบเหงามีมาให้เห็นกันตั้งแต่ปลายมี.ค. และน่าจะลากยาวไปจนถึงหลังสงกรานต์ ทั้งวันหยุดยาวของไทย และตลาดต่างชาติทำให้ตลาดหุ้นเข้าโหมด นักลงทุนชะลอลงทุนกันไปแล้ว

๐๐๐ โหมดเงียบเหงา

     “สัญญาณวอลุ่มเบาบาง” และเงียบเหงามีมาให้เห็นกันตั้งแต่ปลายมี.ค. และน่าจะลากยาวไปจนถึงหลังสงกรานต์ ทั้งวันหยุดยาวของไทย และตลาดต่างชาติทำให้ตลาดหุ้นเข้าโหมด นักลงทุนชะลอลงทุนกัน ไปแล้ว 

       ที่สำคัญ หุ้นดันดัชนี ผลัดกัน “เครื่องดับ - สตาร์ตไม่ติด”  หรือไม่ก็ “วูบวาบ”  ขึ้นไม่แข็งแรงพอจะดันดัชนีไปต่อ ทั้ง “กลุ่มธนาคาร” ที่ไม่ฟื้นทั้งกลุ่มหลังเจอวิกฤติความไม่เชื่อมั่นธนาคารในสหรัฐ จนพากระทบราคาหุ้นแบงก์ไทยตามไปด้วย 

      “หุ้นพลังงาน” ที่พึ่งได้แรงบวกขึ้นมาก็ไปไม่ได้ไกลเพราะแบกทั้งตลาดหุ้นไม่ไหว ดู ราคาน้ำมันผันผวน ขึ้น-ลง ตามปัจจัยโอเปก และเศรษฐกิจโลก เลยถือยาวได้ลำบาก 

     ส่วนหุ้นที่รับหน้าที่ดึงดัชนีหุ้นไทยมาตลอด 7-8 เดือน อย่าง ดัชนี DELTA ก็ไปต่อไม่ไหว แรงขายกระหน่ำกดลงหนักเกือบ 200 บาท ตามแพทเทิร์นขาขึ้นแรงอย่างไรขาลงก็แรงตามนั้น 

     ช่วงนี้นักลงทุนต้องพักร้อน - คลายเครียด จากตลาดหุ้นไปสักพัก 

๐๐๐

หุ้นไทยสวนทางภูมิภาคอีกแล้ว ถูกเทขายต่อ กังวลว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจ และสะเทือนไปถึงเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ดูแล้วตลาดช่วงนี้คงไปไหนไม่ได้ไกล เพราะขาดปัจจัยใหม่ แถมยังใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว

โดยดัชนีฯ ปิดการซื้อขายที่ 1,594.05 จุด ลดลง 6.32 จุด หรือ 0.39% ระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 1,603.79 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,591.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,645.31 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขาย 1,427.07 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 554.41 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อ 435.64 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,545.83 ล้านบาท

๐๐๐

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ ซึ่งบรรยากาศปีนี้น่าจะคึกคักขึ้นอย่างมาก หลังสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย กลายเป็นปัจจัยบวกให้กับหุ้นท่องเที่ยว โดย ทอท. คาดว่าช่วงหยุดยาวปีนี้จำนวนผู้โดยสารจะพุ่งแตะ 2.37 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน เลยหนุนราคาหุ้นบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ปิดบวก 71.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.35%

นอกจากนี้ ยังพบรายการบิ๊กล็อตหุ้น AOT รวม 3,129,800 หุ้น มูลค่ารวม 225 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการทำรายการในกระดานต่างชาติ 1,600,800 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 71.92 บาท รวม 115.13 ล้านบาท

๐๐๐

ส่วนหุ้นบมจ.แสนสิริ (SIRI) เรียกว่าส้มหล่นเต็มๆ หลังถูกดันเข้าคำนวณในดัชนี SET100 โดยจะเริ่มมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นี้ ซึ่ง SIRI จะเข้ามาแทนที่หุ้น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ซึ่งถูกสั่งห้ามการซื้อขาย มาตั้งแต่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา

โดยบล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินว่าการเข้ามาโลดแล่นใน SET100 จะทำให้มีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ามาลงทุนในหุ้น SIRI 13.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าซื้อขายต่อวัน หนุนราคาหุ้นมาปิด 1.79 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 2.87%

๐๐๐

ด้านความเคลื่อนไหวของ “เศรษฐา ทวีสิน” หลังประกาศลางานชั่วคราว ไม่รับเงินเดือน ล่าสุดยื่นลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทเป็นที่เรียบร้อยเพื่อลุยงานการเมืองอย่างเต็มตัว

๐๐๐

 กระแสแรง! บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ปิดขายหุ้นกู้มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตัวธุรกิจ และแผนการลงทุนในโครงการพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ปีนี้โตกว่า 50%

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์