เจพีมอร์แกนกำไรพุ่ง 52% ใน Q1/66 แม้เกิดวิกฤตภาคธนาคาร
เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค รายงานในวันศุกร์ (14 เม.ย.) ว่า กำไรเพิ่มขึ้น 52% ในไตรมาส 1/2566 โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้เจพีมอร์แกนสามารถเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกค้าได้มากขึ้น
เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค รายงานในวันศุกร์ (14 เม.ย.) ว่า กำไรเพิ่มขึ้น 52% ในไตรมาส 1/2566 โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้เจพีมอร์แกนสามารถเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกค้าได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน เจพีมอร์แกนยังมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มธุรกิจและลูกค้าแห่ใช้บริการธนาคารรายใหญ่ หลังธนาคารขนาดกลาง 2 แห่งของสหรัฐ ได้แก่ ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (เอสวีบี) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ล้มแบบกะทันหัน
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนรายงานกำไร 1.262 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2566 เทียบกับ 8.28 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายหุ้น เจพีมอร์แกนมีกำไร 4.10 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 1/2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.63 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้
ปัจจัยหนุนกำไรของเจพีมอร์แกนหลัก ๆ แล้วมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของเจพีมอร์แกนอยู่ที่ 2.08 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ส่วนยอดเงินฝากของเจพีมอร์แกนเพิ่มขึ้น 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2566
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์