7 หุ้นโรงกลั่น ยังฝืด จับตา Q 2/66 ราคาน้ำมันดิบขยับพุ่ง
หุ้นกลุ่มโรงกลั่นทั้งหมด 7 หลักทรัพย์ส่วนใหญ่แล้วผลตอบแทนราคา YTD ยังติดลบด้วยกัน 6 หลักทรัพย์ ส่วนอีก 1 หลักทรัพย์ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ผลตอบแทนราคา YTD +0.79%
หลังจากที่โอเปกพลัส หรือ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน 23 ประเทศ ออกมาประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มอีกราว 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม นี้ จนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งซาอุดีอาระเบีย อิรัก และกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซียจะปรับลดปริมาณผลิตน้ำมันลงเหลือวันละ 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่รัสเซียจะผลิตน้ำมันวันละ 5 แสนบาร์เรลไปจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า หากกลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังการผลิตลง อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงกลั่นได้รับอานิสงส์การฟื้นตัวไปด้วย
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แนวโน้มหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ถ้าดูในเรื่องของราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นแค่ในระยะสั้นเท่านั้น หลังจากที่โอเปกพลัสลดกำลังการผลิต ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปดูเมื่อเมื่อปีที่แล้ว กำไรสุทธิหุ้นกลุ่มนี้จะได้รับอานิสงส์ขณะที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น
ทั้งนี้ปัจจุบันถือว่า ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงไซต์เวย์ ผลกระทบอยู่ระดับกลาง ๆ ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/66 ตามที่ราคาน้ำมันนิ่ง ผลขาดทุนจากสต๊อกจะลดลงจากไตรมาส 4/65 ซึ่งในไตรมาส 4/65 จะมีการขาดทุนจากสต๊อกค่อนข้างมาก และในไตรมาส 1/66 ค่าการกลั่นมีการฟื้นตัวเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับไตรมาส 1/65 น่าจะได้เห็นการฟื้นตัวได้มากขึ้น ขณะที่ไตรมาส 2/66 จะได้รับแรงหนุนจากจีนอยู่บ้างที่เปิดประเทศ
สำหรับหุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่เป็น Top Pick คือ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) กับบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เพราะว่า โมเมนตัมในไตรมาส 1/66 ยังคงเห็นการฟื้นตัว แต่ถ้าเป็น บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ซึ่งยังมีประเด็นในเรื่องของค่าปรับ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โดยภาพรวมหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจะได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่มีการปรับที่สูงขึ้น น่าจะทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 มีการปรับตัวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/65 ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนหากจะเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น TOP ให้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 60.00 บาท
ทั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้สำรวจหุ้นกลุ่มโรงกลั่นทั้งหมด 7 หลักทรัพย์ส่วนใหญ่แล้วผลตอบแทนราคา YTD ยังติดลบ
1.บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)
- มาร์เก็ตแคป 197,262.15 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคา YTD -7.41%
- ราคาสิ้นปี 65 ปิด 47.25 บาท
- ราคา ณ 12 เม.ย.66 ปิด 43.75 บาท
- ลดลง 3.50 บาท
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 52.50 / 39.75 บาท
- อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.29%
- P/E Ratio - เท่า
2.บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL)
- มาร์เก็ตแคป 190,894.76 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคา YTD -16.56%
- ราคาสิ้นปี 65 ปิด 40.75 บาท
- ราคา ณ 12 เม.ย.66 ปิด 34.00 บาท
- ลดลง 6.75 บาท
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 52.75 / 32.75 บาท
- อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.71%
- P/E Ratio 6.16 เท่า
3.บมจ.ไทยออยล์ (TOP)
- มาร์เก็ตแคป 117,276.37 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคา YTD -6.67%
- ราคาสิ้นปี 65 ปิด 56.25 บาท
- ราคา ณ 12 เม.ย.66 ปิด 52.50 บาท
- ลดลง 3.75 บาท
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 63.25 / 48.25 บาท
- อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.05%
- P/E Ratio 3.59 เท่า
4.บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)
- มาร์เก็ตแคป 51,903.42 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคา YTD -15.89%
- ราคาสิ้นปี 65 ปิด 3.02 บาท
- ราคา ณ 12 เม.ย.66 ปิด 2.54 บาท
- ลดลง 0.48 บาท
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 3.62 / 2.48 บาท
- อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.76%
- P/E Ratio - เท่า
5.บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)
- มาร์เก็ตแคป 46,394.15 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคา YTD -%
- ราคาสิ้นปี 65 ปิด 10.70 บาท
- ราคา ณ 12 เม.ย.66 ปิด 10.70 บาท
- เพิ่ม - บาท
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 13.50 / 9.50 บาท
- อัตราเงินปันผลตอบแทน 10.37%
- P/E Ratio 6.05 เท่า
6.บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP)
- มาร์เก็ตแคป 43,717.31 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคา YTD +0.79%
- ราคาสิ้นปี 65 ปิด 31.50 บาท
- ราคา ณ 12 เม.ย.66 ปิด 31.75 บาท
- เพิ่ม 0.25 บาท
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 39.00 / 28.25 บาท
- อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.06%
- P/E Ratio 3.45 เท่า
7.บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO)
- มาร์เก็ตแคป 30,455.55 ล้านบาท
- ผลตอบแทนราคา YTD -30.16%
- ราคาสิ้นปี 65 ปิด 12.60 บาท
- ราคา ณ 12 เม.ย.66 ปิด 8.80 บาท
- ลดลง 3.80 บาท
- ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 15.00 / 7.95 บาท
- อัตราเงินปันผลตอบแทน 9.09%
- P/E Ratio 3.20 เท่า