โบรกแนะเลี่ยงหุ้นกลุ่ม JMART ห่วงหนี้เสียพุุ่ง-ปัญหาหลังผู้บริหารลาอออก
"หุ้นกลุ่มJMART" ร่วงแรงยกแผง โบรก ชี้ กังวลงบไตรมาส1/66ออกมาแย่ “SINGER-SGC”เอ็นพีแอลพุ่ง-เจมาร์ทบันทึกขาดทุนทางบัญชีเข้าถือหุ้นอื่น พร้อมหวั่นเกิดปัญหาภายใน หลังผู้บริหาร"กิตติพงศ์"ลาออก จับตา9พ.ค.แถลงสาเหตุ แนะชะลอลงทุนรอประกาศผลดำเนินงานก่อน
จากความกังวลผลประกอบการไตรมาส1ปี 2566 จะออกมาไม่ดี และนายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย(SINGER)และประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอสจี แคปปิตอล(SGC) กดดันราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทปรับตัวลดลงแรงวานนี้ (2 พ.ค.)
นำโดยSGC ลดลง 10.32% หรือ 0.26 บาท ปิดที่ 2.26% รองมาSINGER ลดลง 9.15% หรือ 1.30 บาท ปิดที่ 12.90 บาท บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) ลดลง 5.56% หรือ 1.10 บาท ปิดที่ 18.70 บาท บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ลดลง 5.06% หรือ 2 บาท ปิดที่ 37.50 บาท บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) ลดลง 2% หรือ 0.06บาท ปิดที่ 2.94 บาท
นายปิยะ พงษ์อัชฌา กรรมการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มJMART ปรับตัวลดลงวานนี้ (2 พ.ค.) ส่วนตัวมองว่าเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทที่ปรับตัวลงแรง จากนักลงทุนคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส1 ปี 2566 ออกมาไม่ดี ซึ่งส่วนตัวคาดว่าอาจจะออกมาต่ำที่สุดของปีนี้ โดยเฉพาะงบของSINGER , SGC และJMART ที่จะออกมาไม่ดี เพราะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ปรับตัวขึ้นสูง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ไตรมาส4 ปี 2565 จึงทำให้งบของJMART ซึ่งเป็นบริษัทแม่ไม่ดีไปด้วย
ทั้งนี้คาดว่าSINGER และSGC จะใช้เวลาในการแก้ปัญหาหนี้เสีย(NPL)ครึ่งปีแรก โดยการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยึดไว้นำมาขายในราคาที่มีส่วนลด และควบรวมการปล่อยสินเชื่อไม่ให้เป็นNPLเพิ่ม รวมถึงJMARTได้มีการไปลงทุนหุ้นอื่นๆ ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลดลง จึงทำให้ต้องมีการบันทึกผลขาดทุนทางบัญชี (Mark to Marke) ในไตรมาส1ปีนี้
ส่วนกรณีที่ผู้บริหารของSINGER ลาออกนั้น มีผลต่อราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทในเชิงเซ็นทิเมนท์ แต่ถ้ามองในด้านปัจจัยพื้นฐานนั้น ประเด็นที่ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทปรับตัวลงนั้นจากNPLของSINGER และSGCที่มีสัญญาณเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องมีการตั้งสำรองสูงซึ่งกดดันทำให้งบไตรมาส1ที่จะประกาศออกมาช่วงกลางเดือนพ.ค.นี้ไม่ดีและอาจจะขาดทุน
ดังนั้นทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่ดี แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาNPLได้ จึงทำให้ผลการดำเนินงานค่อยๆฟื้นตัว และจากที่งบของJMT หากออกมายังทำนิวไฮต่อเนื่องเชื่อเป็นแรงส่งทำให้หุ้นกลุ่มเจมาร์ทฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง จึงแนะนำนักลงทุนชะลอลงทุนเพื่อรอดูผลดำเนินงานไตรมาส1ปีนี้ก่อน แล้วค่อยทยอยสะสมได้หลังประกาศงบแล้ว
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทที่ปรับตัวลงแรง คาดเกิดจากนักลงทุนลดน้ำหนักลงทุนจากหุุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทั้งในด้านของราคาหุ้น และผลประกอบการ
รวมถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะข้างหน้าแม้ผลดำเนินงานจะเติบโต แต่ก็จะไม่โดดเด่นเหมือนกับในช่วง3 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับที่ผ่านมากลุ่มเจมาร์ทได้ไปจับมือกับพันธมิตรและเข้าถือหุ้นต่างๆราคาหุ้นที่เข้าลงทุนก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน
"กลุ่มค้าปลีกภาพใหญ่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่หุ้นที่จะได้รับผลดีจะเป็นกลุ่มค้าปลีกที่เกี่ยวกับการบริโภคเป็นหลัก ส่วนค้าปลีกที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ไอทีนั้นได้ผ่านจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว ในช่วงWork From Home จึงผลน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มนี้"
ส่วนกรณีที่ผู้บริหารของSINGERลาออกนั้น ก็มีส่วนทำให้ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทเช่นกันในเชิงเซ็นทิเมนท์ จากนักลงทุนกังวล เพราะ เมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารใหม่นั้น เป็นผลจากความขัดแย้งภายใน และอาจมีปัญหาบางอย่าง โดยเฉพาะผู้บริหารที่ลาออกก่อนที่จะประกาศงบการเงิน
"พอมีผู้บริหารบจ.หลายๆบริษัทลาออก ทำให้นักลงทุนกังวลว่า บริษัทจะมีปัญหาบางอย่างภายใน หรือมีความยุ่งยากเหมือนกับบริษัทที่ผ่านมาที่แจ้งผู้บริหารลาออก”
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เรายังต้องรอรับฟังข้อมูลจาก SINGER ที่จะมีการแถลงข่าวในวันที่ 9 พ.ค. นี้ เพื่อให้เรามีข้อมูลใหม่นำมาประเมินแนวโน้มระยะถัดไปของบริษัทได้ ซึ่งแน่นอนว่า ในการประชุมในสัปดาห์หน้า น่าจะมีคำถามเหมือนกันว่า อะไรคือเหตุผลที่ผู้บริหารคนเดิมลาออก และมีสาเหตุจากอะไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่ม JAMRT ปรับตัวลงมามากในปัจจุบัน คาดมาจาก 3 ปัจจัย 1. หุ้นJMARTยังติดอันดับที่นักลงทุนใช้บัญชีมาร์จินในการซื้อขายหุ้นซึ่งมีความเสี่ยงหากราคาหุ้นยังปรับตัวลงต่อเนื่องอาจถูกบังคับขาย (Force Sell)ได้
2.นักลงทุนอาจจะกังวลว่าหุ้นJMARTเสี่ยงหลุดSET50 หลังพบว่ามูลค่ามาร์เก็ตแคปปรับตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งการที่มาร์เก็ตแคปลดลงส่วนหนึ่งมาจากราคาหุ้นปรับตัวลงมาอย่างมาก และ3. ผู้บริหาร SINGER ยื่นลาออก ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ยิ่งสร้างความแปลกใจมากขึ้นไปอีก กดดันราคาหุ้นกลุ่ม JMART ให้ปรับตัวลงต่อเนื่อง
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยแนะนักลงทุน ควรจะรอราคาหุ้นให้นิ่งก่อน และรอดูตัวเลขจริงของผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้บริหารในเครือตัดสินใจลาออก และรอประเมินผลการดำเนินงานของกลุ่ม JAMRT ในระยะถัดไปว่า ยังสามารถเติบโตได้หรือไม่ เพราะจากกำไรผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ และหากประเมินภาวะเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มเติบโตต่อได้ ควรดูข้อมูลธุรกิจเป็นปัจจัยพื้นฐาน มากกว่า