เทียบฟอร์ม 4 หุ้นกลุ่มน้ำตาล อานิสงส์ราคาน้ำตาลโลกพุ่งนิวไฮรอบ 11 ปี
หุ้นกลุ่มน้ำตาลได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งขึ้น อยู่ที่ระดับ 27 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งถือว่าทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี มีอยู่ด้วยกัน 4 หลักทรัพย์ KTIS KSL BRR และ KBS
ในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งขึ้น อยู่ที่ระดับ 27 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งถือว่าทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี สาเหตุเกิดจากฤดูหีบน้ำตาลในเอเชียเริ่มซบเซา สภาพอากาศที่ปรวนแปรลงในพื้นที่เพาะปลูกพืชให้น้ำตาล ส่งผลให้การผลิตในหลายประเทศปรับตัวลดลงอย่างมาก
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า ราคาน้ำตาลในตลาดโลกต้องถือว่าปรับตัวสูงขึ้น ฉะนั้นต้องบอกว่า เป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มน้ำตาล แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด 100% เนื่องจากราคาน้ำตาลในประเทศบ้านเราไม่ได้สอดคล้องกับน้ำตาลตลาดโลกขนาดนั้น เพราะราคาน้ำตาลยังการควบคุมในประเทศ แต่การจำหน่ายในต่างประเทศอาจจะได้ผลดีจากการที่ราคาน้ำตาลโลกสูงขึ้น
ทั้งนี้หุ้นน้ำตาลในแต่ละปีจะมีเป็นช่วงเดือน พ.ย. ถึง เม.ย. ซึ่งกำไรของหุ้นในกลุ่มน้ำตาลที่กำลังจะประกาศของครึ่งปีแรกของปีนี้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะได้ราคาน้ำตาลที่สูง และได้ในส่วนของปริมาณการเก็บเกี่ยวปีนี้ที่ปรับตัวขึ้นมาดีด้วย และเมื่อพ้นฤดูกาลไปแล้วส่วนใหญ่ผลประกอบการของหุ้นน้ำตาลก็จะเป็นโลว์ซีซั่น เนื่องจากน้ำตาลจะเป็นธุรกิจทำสัญญาขายตั้งแต่ต้นปี และหลังจากที่ทำสัญญาเสร็จแล้วที่เหลือไม่ได้มีผลที่จะเกิดขึ้นกับผลประกอบการเท่าไรในช่วงครึ่งปีหลัง
โดยผลผลิตอ้อยในปีนี้คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 93.88 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 1.81 ล้านตัน หรือคิดเป็นประมาณ 2% ซึ่งคาดว่าผลผลิตน่าจะปรับได้สูงกว่านี้ระดับ 100 ล้านตัน ซึ่งอาจจะเกิดจากผลกระทบตั้งแต่น้ำท่วมปีที่แล้ว รวมถึงภัยแล้งในปีนี้ทำให้ผลผลิตอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก
สำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาเก็งกำไรในเรื่องของผลประกอบการ อาจจะต้องติดตามราคาน้ำตาลในตลาดโลก และถึงช่วงไตรมาส 2 พอเข้าสู่เดือน 5 จะเป็นช่วงที่เริ่มหมดฤดูกาล เพราะฉะนั้นจากนี้ไปการเก็งกำไรจะไม่ค่อยง่าย ควรระมัดระวังในเรื่องของการเก็งกำไร ยกเว้นแต่ว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะมีเหตุที่จะผลักดันปรับเพิ่มขึ้นได้
ขณะที่ วิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในภาพของราคาน้ำตาลในตลาดโลกยังคงมีโมเมนตัมที่ปรับขึ้นไป โดยช่วงที่ปรับขึ้นสุดสุดจะเป็นวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 27 เซนต์ต่อปอนด์ ช่วงนี้ถือว่า ทำจุดสูงสุดในรอบ 11 ปี
โดยประเด็นหลักมาจากซัพพลาย ปริมาณการส่งออกของน้ำตาลอย่าง อินเดียที่มีปริมาณน้ำตาลลดลง ส่งผลให้ภาพรวมระยะสั้นราคาน้ำตาล รวมถึงปริมาณสินค้าออกสู่ตลาดน้อยลง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรง
อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีแรกผลประกอบการกลุ่มน้ำตาลจะยังโดดเด่นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าครึ่งปีหลัง เพราะการหีบน้ำตาลจะเป็นการรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังส่วนใหญ่จะมีแต่ต้นทุน ส่วนใหญ่กำไรโดยมากแล้วครึ่งปีแรกดี เพราะครึ่งปีหลังบางโรงงาน บางบริษัทมักจะกลับมาในภาพของการขาดทุน เนื่องจากกำไรค่อนข้างจะเหวี่ยง
จากการสำรวจของกรุงเทพธุรกิจ หุ้นกลุ่มน้ำตาลที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งขึ้น มีอยู่ด้วยกัน 4 หลักทรัพย์
1.บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS
- มาร์เก็ตแคป 15,285.60 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท หทัยจรูญเอกโฮลดิ้ง จำกัด
- ราคาปิด ณ วันที่ 3 พ.ค.66 ที่ 4.00 บาท
- ราคาปิด ณ วันที่ 3 เม.ย.66 ที่ 4.42 บาท
- ราคาสูงสุด/ ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ที่ 5.60 / 3.38 บาท
- P/E - เท่า
- P/BV 2.61 เท่า
2.บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL
- มาร์เก็ตแคป 14,641.97 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เคเอสแอล ชูการ์ โฮลดิ้ง จำกัด
- ราคาปิด ณ วันที่ 3 พ.ค.66 ที่ 3.32 บาท
- ราคาปิด ณ วันที่ 3 เม.ย.66 ที่ 3.28 บาท
- ราคาสูงสุด/ ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ที่ 4.16 / 3.06 บาท
- P/E 9.59 เท่า
- P/BV 0.69 เท่า
3.บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR
- มาร์เก็ตแคป 5,481.67 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ทุนบุรีรัมย์ จำกัด
- ราคาปิด ณ วันที่ 3 พ.ค.66 ที่ 6.80 บาท
- ราคาปิด ณ วันที่ 3 เม.ย.66 ที่ 6.29 บาท
- ราคาสูงสุด/ ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ที่ 10.50 / 5.00 บาท
- P/E 7.14 เท่า
- P/BV 2.08 เท่า
4.บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS
- มาร์เก็ตแคป 3,930.00 ล้านบาท
- ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ครบุรี แคปิตอล จำกัด
- ราคาปิด ณ วันที่ 3 พ.ค.66 ที่ 6.85 บาท
- ราคาปิด ณ วันที่ 3 เม.ย.66 ที่ 5.70 บาท
- ราคาสูงสุด/ ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ที่ 7.05 / 3.98 บาท
- P/E 4.29 เท่า
- P/BV 1.13 เท่า