ดาวโจนส์พลิกร่วง ปิดแดนลบในกรอบแคบ หลังดีดตัวช่วงแรก
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(8พ.ค.)ปรับตัวลงในกรอบแคบท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงแรก
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 55.69 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 33,618.69 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.87 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 4,138.12 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 21.50 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 12,256.92 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 55.69 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 33,618.69 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.87 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 4,138.12 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 21.50 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 12,256.92 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดในแดนบวก ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.6%
นอกจากนี้ ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารสหรัฐ ส่งผลให้ราคาหุ้นแพคเวสต์ แบงคอร์ป (PacWest Bancorp) บริษัทแม่ของธนาคารแปซิฟิก เวสเทิร์น แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารประจำภูมิภาคของสหรัฐ พุ่งขึ้นในการซื้อขายวันนี้
นายพอล เทย์เลอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแพคเวสต์ กล่าวยืนยันว่า ธนาคารยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ นายเทย์เลอร์ประกาศลดการจ่ายเงินปันผลสู่ระดับ 0.01 ดอลลาร์ต่อ 1 หุ้นสามัญ จากเดิมที่ระดับ 0.25 ดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยทำให้อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) เพิ่มขึ้นมากกว่า 10%
"เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ความผันผวนของภาคธนาคาร และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านทุน เรามองว่าการปรับลดการจ่ายเงินปันผลถือเป็นมาตรการเหมาะสมต่อแผนของเราในการเพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ขึ้นมากกว่า 10% ขณะที่ธุรกิจของเรายังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเราจะยังคงยึดมั่นรูปแบบธนาคารที่มีความสัมพันธ์ในระดับชุมชนต่อไป" แถลงการณ์ระบุ
อย่างไรก็ดี หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนต่างดิ่งลงในวันนี้ตามราคาบิตคอยน์ที่ร่วงลงหลุดระดับ 28,000 ดอลลาร์ หลังไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศระงับการถอนบิตคอยน์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพุธและพฤหัสบดีตามลำดับ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.0% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากแตะระดับ 5.0% เช่นกันในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.1% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวจากระดับ 5.6% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. โดยชะลอตัวจากระดับ 0.4% ในเดือนมี.ค.