SABUY ตัดขาดทุน เทขาย SINGER 35 ล้านหุ้น
SABUY ตัดขาดทุน ทยอยขายหุ้น SINGER 35 ล้านหุ้น เหลือถือแค่ 5 ล้านหุ้น หลังราคาร่วงไม่หยุด เผยหากไม่ขาย มีสิทธิขาดทุนหนักถึง 200-300 ล้าน
ราคาหุ้น บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่ทำการซื้อขายวันนี้(11 พ.ค.) ยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยราคาลดลงไปต่ำสุดที่ 13.70 บาท ลดลง 0.30 บาท และปิดตลาดที่ 13.80 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.20 บาท หรือ 1.43% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 161 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานการลดลงของราคาหุ้น SINGER อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ต้องขายหุ้น SINGER ที่ถืออยู่ 40 ล้านหุ้นออกมา เพื่อลดผลขาดทุน โดยปัจจุบันเหลือหุ้น SINGER เพียง 5 ล้านหุ้น
นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABUY ระบุว่า บริษัทต้องบันทึกผลขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น SINGER ในไตรมาสแรก ปี 2566 จำนวน 37 ล้านบาท แต่หากไม่มีการขายหุ้นออกมา อาจต้องบันทึกขาดทุนถึง 200-300 ล้านบาทเลยทีเดียว และยังไม่มีแผนจะกลับเข้าไปซื้อใหม่
สำหรับการลงทุนในหุ้น SINGER ของ SABUY เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ SABUY เมื่อ 1 มี.ค.2566 ที่อนุมัติซื้อหุ้น SINGER เพิ่มอีกไม่เกิน 87,951,300 หุ้น ในราคาหุ้นเฉลี่ยไม่เกิน 27 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 2,374,685,100 บาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 10.70% ของจำนวนหุ้นชำระแล้วของ SINGER ผ่านกระดานซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ดังนั้นเมื่อรวมกับที่ได้ซื้อหุ้นของ SINGER ในครั้งแรก จะทำให้ SABUY ได้หุ้น SINGER มาเป็นจำนวนไม่เกิน 123,351,300 หุ้น ในราคาหุ้นเฉลี่ยไม่เกิน 27 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 3,330,485,100 บาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 15%
อย่างไรก็ตามที่ประชุมคณะกรรมการ SABUY นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2566 เห็นว่าแม้สถานการณ์สถาบันการเงินของสหรัฐไม่สู้ดี ส่งผลทางลบต่อการเงินโลก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนใน SINGER ที่บริษัทต้องให้ความสำคัญ แต่บริษัทยังคงมีความสนใจในการลงทุนหุ้นสามัญของ SINGER จำนวนไม่เกิน 123,351,300 หุ้นเท่าเดิม ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาว
แต่เพื่อประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น คณะกรรมการจึงมีมติให้มีการทบทวนราคาเข้าซื้อ โดยให้ปรับลดราคามาเป็นหุ้นละ 22 บาท จากเดิม 27 บาท ซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับมูลค่าตามบัญชีของงบการเงินของ SINGER ที่ราคาหุ้นละ 21.82 บาท ทำให้มูลค่าการลงทุนปรับลดลงจากเดิมเป็นมูลค่าไม่เกิน 2,713,728,600 บาท