โบรก ชี้ ‘กลุ่มปตท.' โค้ง2กำไรส่อลด สารพัดปัจจัยกดดัน

โบรก ชี้ ‘กลุ่มปตท.' โค้ง2กำไรส่อลด สารพัดปัจจัยกดดัน

"กลุ่มปตท."ไตรมาส1/66 กำไรโต แรงหนุนงบ"ปตท.สผ." เด่น ส่วนปตท.กำไร 2.7 หมื่นล้าน โต12% "บล.หยวนต้า" ชี้ส่วนใหญ่ออกมาตามคาด แต่ไตรมาส2/66แนวโน้มชะลอ ทั้ง"ธุรกิจน้ำมัน-โรงกลั่น-ปิโตรเลียม" จากฐานปีก่อนสูง-ศก.โลกเสี่ยงถดถอย-เพดานหนี้สหรัฐซ้ำเติม แนะเทรดดิ้งระยะสั้น

“บริษัทย่อยในกลุ่มปตท.”ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 ออกมาครบแล้ว ประกอบด้วย บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) , บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) , บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) , บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) , บมจ.ไทยออยล์ (TOP), บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC)รวมมีกำไรสุทธิรวม 28,311.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.07% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25,957 ล้านบาท

ทั้งนี้เป็นผลจาก PTTEP มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 83.30% อยู่ที่  19,281.38 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ GPSC มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 256.84% อยู่ 1,117.66 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 313.21 ล้านบาท ส่วนอีก4 บริษัทกำไรลดลง เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบ ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี ที่ปรับตัวลง และมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ฯลฯ

ส่วน บมจ.ปตท. (PTT) ปตท.มีกำไรสุทธิ 27,854.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.35% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 24,792.47 ล้านบาท แม้อิบิดาปรับตัวลลง 26.2% จากขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง รวมทั้งมีกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นแม้ว่ามีต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับในไตรมาส1ปี 2566 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจํา (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาท

โดยหลักจากรายการตัดจําหน่ายสินทรัพย์ จากการสิ้นสุด สัมปทานโครงการบงกชของ PTTEP สุทธิกับ มีการรับรู้ส่วนลดจากปริมาณที่ผู้ผลิตส่งได้ไม่ถึงปริมาณตามสัญญา (Shortfall) ของ ปตท. ขณะที่ในไตรมาส1 ปี 2565 มีผลกําไรประมาณ 900 ล้านบาท โดยหลักจากการรับรู้ส่วนลดจาก Shortfall ของ ปตท. และจากการรับรู้กําไรจากการจําหน่ายเงินลงทุนใน Ichinoseki Solar Power 1 GK ของ GPSC

 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)  เปิดเผยว่า บริษัทย่อยในกลุ่มปตท.ที่ประกาศงบไตรมาส 1 ปี 2566 ออกมา เป็นไปตามคาด ยกเว้น PTTGC ที่กำไรออกมาต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัย และตลาดคาดค่อนข้างมาก แต่ด้วยมีสัดส่วนกำไรไม่ได้สูงมาก จึงไม่มีนัยต่องบรวมของกลุ่มปตท. 

ส่วน PTTEP มีสัดส่วนกำไรมากที่สุด งบออกมาทำได้ดีกว่าที่เราคาดไว้ ขณะที่PTT ประกาศงบล่าสุด ยังเป็นไปตามคาดเช่นกัน  หากเป็นกำไรปกติ คาดการณ์ไตรมาส 1 ปีนี้อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท ลดลง 55% และทั้งปีนี้ที่ 102,450 ล้านบาท ลดลง 40% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  

สำหรับแนวโน้มภาพรวมทั้งกลุ่มปตท.ในไตรมาส 2 ปี 2566  มองว่ากำไรของบริษัทย่อยในกลุ่มปตท.จะเริ่มชะลอตัวลง ไม่ว่าเป็นธุรกิจกลุ่มโรงกลั่น และปิโตรเลียม เพราะว่าค่าการกลั่นและ สเปรดราคาปิโตรเคมีจะอ่อนตัวลงมาในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้  จากความกังวลเกิดความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย ที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และการพื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ในปีนี้ไม่ได้เร่งขึ้นมาเร็วมากนัก 

ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ยังมีแรงกดดัน จากฐานสูงในช่วงเดียวกันปีก่อน ที่เกิดสงครามรัสเซีย กับยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่ง แต่มองเป็นภาพที่นักลงทุนเข้าใจได้ แม้จะแย่ลง ขณะที่หากเทียบกับไตรมาส 1 ปีนี้  ยังเป็นภาพที่ชะลอตัวลง จากก่อนหน้าคาดว่าจะเป็นภาพของการฟื้นตัวขึ้น  

นายณัฐพล กล่าวว่า คำแนะนำการลงทุน หุ้นกลุ่มปตท. มองว่า กลยุทธ์การลงทุนหุ้น Global play (หุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการขึ้นกับลักษณะเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก)เหมาะกับการเทรดดิ้งระยะสั้น ในช่วงที่สหรัฐผ่านการขยายเพดานหนี้ได้ภายในเดือน พ.ค.นี้แล้ว และการประชุมเฟดรอบ 14 มิ.ย. เราคาดว่าจะส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ย หรือน่าจะคงดอกเบี้ยรอบนี้เลย 

ดังนั้น ช่วงต้นเดือนถึงกลางเดือนมิ.ย. คาดว่า หุ้น Global play มีโอกาสปรับตัวขึ้น หนุนหุ้นพลังงานในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ มองในช่วงนั้น เป็นจังหวะในการเข้าเทรดดิ้งระยะสั้นได้ แต่สุดท้ายในปีนี้หุ้นกลุ่มปตท.ยังถูกกดดันจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่กำลังจะตามมาซ้ำเติม  

 "หุ้นกลุ่มปตท.ยังสามารถเทรดดิ้งระยะสั้นได้ แนะนำTOP และ PTTGC ที่ราคาหุ้นปรับฐานลงมาลึก อาจจะเห็นจังหวะในการเด้งกลับได้เร็ว  แต่ไม่แนะนำ PTTEP  เพราะราคาหุ้นยังปรับตัวลงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับโรงกลั่น หรือปิโตรเคมีตัวอื่น และ OR  ปั้มน้ำมันค้าปลีก ยังเห็นภาพการฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปีนี้ แต่ราคาหุ้นค่อนข้างตึงตัว และตอบรับงบไตรมาส 1 ปีนี้ที่ออกมาดีไปแล้ว"   

นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล. กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทลูก 6 บริษัทหลักในกลุ่มปตท.ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี2566 โดยมีกำไรสุทธิที่ 28,311 ล้านบาท สอดคล้องกับประมาณการของเรา โดยตัวที่มีผลประกอบการสูงกว่าที่คาด คือ OR ซึ่งเป็นผลจากการทำโครงการ Synergy ร่วมกันในกลุ่มปตท. และค่าการตลาดที่มีการฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ

ในขณะที่บริษัทลูกที่ยังมีผลประกอบการที่อ่อนแอได้แก่ บริษัทที่ทำธุรกิจปิโตรเคมี ที่ผลกำไรเข้าใกล้จุดคุ้มทุน ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของเราเช่นกัน ส่วนกำไรเฉพาะปตท.นั้นออกมาดีกว่าคาด 6% 

ทั้งนี้ แนวโน้มภาพรวมของกลุ่มช่วงไตรมาส 2 ปี2566 เราคาดว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ( QoQ ) อันเป็นผล สืบเนื่องจากราคาน้ำมัน และค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลง ในขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี ยังมีแนวโน้มอ่อนแอต่อเนื่อง จากภาวะอุปทานล้นตลาดที่ยังดำเนินต่อไป