KCCปรับโครงสร้าง ดันโฮลดิ้งเข้าmaiแทน หวังคล่องตัว-ขยายซื้อหนี้นอนแบงก์
KCC ปรับโครงสร้างบริษัท ตั้งโฮลดิ้ง "ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง" เพื่อทำเทนเดอร์หุ้นบริษัททั้งหมด โดยแลกหุ้นอัตรา 1 หุ้นสามัญของบริษัทฯ ต่อ1 หุ้นบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อเพิ่มความคล่องตัว-ขยายเข้าไปซื้อหนี้นอนแบงก์ได้ พร้อมเข้าจดทะเบียนในmaiแทน
นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของบริษัทฯ (แผนปรับโครงสร้างฯ) และการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ
โดยจัดตั้ง “บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (Knight Club Capital Holding Public Company Limited) (บริษัทโฮลดิ้ง) เพื่อทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทจำนวน 620 ล้านหุ้นจากผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้บริษัทโฮลดิ้ง จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญพิ่มทุนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในอัตราการแลกหลักทรัพย์เท่ากับ 1 หุ้นสามัญของบริษัทฯ ต่อ1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทโฮลดิ้ง และภายหลงัการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพยข์องบริษัทโฮลดิ้งเสร็จสิ้น หุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้ง จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลกัทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) แทนหุ้นสามัญของบริษัทฯ ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันเดียวกัน
สำหรับการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งนี้เพื่อ
1.เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ ลดข้อจำกัดด้านการลงทุน โดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มบริษัทฯ เพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
2.เพื่อให้สามารถแบ่งแยกขอบเขตการบริหารธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน โดยจะสามารถจำกัดความเสี่ยงจากการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจบริหารสินทรัพย์เดิมซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ
3.เพื่อให้สามารถขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ภายใต้การบริหารงานของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสายธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้แต่ละธุรกิจสามารถเติบโตและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นำไปสู่ผลการดำเนินงานที่ดีให้กับกลุ่มบริษัทในอนาคต
4.เพื่อเพิ่มศักยภาพของบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญ ในแต่ละธุรกิจเนื่องจากแต่ละธุรกิจสามารถกำหนดขอบเขต หน้าที่ ความรับผิดชอบของบุคลากรในแต่ละสายงานได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามการยกฐานะขึ้นเป็นโฮลดิ้งจะทำให้มีความคล่องตัว สามารถลงทุนซื้อหนี้จากบุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เฉพาะหนี้จากสถาบันการเงินเท่านั้น ในการปรับโครงสร้างหนี้โดยการฟื้นฟูกิจการ จะมีหนี้อื่นๆ เช่น หุ้นกู้ หนี้การค้า ซึ่งโดยมากจะถือโดยนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา ซึ่ง AMC ไม่สามารถเข้าไปซื้อได้ การปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้งจึงทำให้บริษัทสามารถขยายช่องทางในการซื้อหนี้ได้มากขึ้น เพราะบริษัทมีความชำนาญในเรื่องของการซื้อหนี้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี KCC จะยังคงเน้นธุรกิจ AMC ที่บริษัทมีประสบการณ์และประสบความสำเร็จมายาวนานเป็นหลัก ตามทิศทางการเปิดประมูลหนี้ของสถาบันการเงินยังที่มีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทก็เห็นโอกาสเข้าไปประมูลหนี้ที่อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ศาลล้มละลายที่เริ่มมีเพิ่มมากขึ้น