โหวต ‘นายก’ลากยาว3ครั้ง โบรกคัด'หุ้นเด่น'เข้าเก็งกำไรระยะสั้น
“บล.เอเซียพลัส” มองโหวตนายกฯ ถึง 3 ครั้ง ชี้ เพื่อไทย มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรบ.มากขึ้น จับตาจับขั้วทางการเมือง-เสนอแก้ไขรธน.272 ตลาดหุ้นไทย ก.ค.ผันผวนต่อ แนะเก็งกำไรระยะสั้น คัดหุ้นราคายังไม่ฟื้นถึงครึ่งก่อนเลือกตั้ง “บล.หยวนต้า” มองหุ้นโดเมสติกเพลย์ งบสวย
ความเคลื่อนไหว"ดัชนีหุ้นไทย"วานนี้ (17 ก.ค.) ผันผวนโดยในช่วงเปิดตลาดช่วงเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย หลังจากนั้นปรับตัวลดลงไปต่ำสุด ที่ 1,515.45 จุด ก่อนค่อยๆรีบาวนด์ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1,532.12 จุด และกลับมาปิดตลาดที่ 1,528.77 จุด เพิ่มขึ้น 10.85 จุด หรือ 0.71% มูลค่าซื้อขาย 46,463.28 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 841.15 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 802.58 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 350.99 ล้านบาท และนักลงทุนบุคคลทั่วไปขายสุทธิ 1,994.72 ล้านบาท
นายภวัต ภัทราพงศ์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา หากประเมินท่าทีของกลุ่มการเมืองต่างๆ แม้จะยังไม่มีข้อสรุป แต่ก็เห็นความชัดเจนมากขึ้น โดยเริ่มเห็นโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีมากขึ้น หลังการโหวตเลือกนายก รอบ2 ผ่านไป แต่การที่จะจับมือกับพรรคการเมืองใดบ้าง คงต้องรอดูไปอีก ระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ การเมืองไทย ยังต้องติดตาม โดยฝ่ายวิจัย ได้ประเมิน Scenario การจัดตั้งรัฐบาลไทย ดังนี้ กรณีที่ 1.พรรคก้าวไกล มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล คือ โหวตนายกครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. นี้ ผ่าน พรรคก้าวไกล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คาดการณ์ผลกระทบการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจเดินหน้า หุ้นกลุ่มเปลี่ยนขั้วอาจถูกเทขาย แต่อย่างไรก็ผลโหวนายก ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา นายพิธา ได้คะแนน 324 เสียง (สว. 13 เสียง) ยังขาดอีก 52 เสียง เพื่อให้เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ
โดยถ้าโหวตนายพิธาเป็นนายกฯครั้งที่ 2 คะแนนเสียงนายพิธาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และโหวตยกเลิก รธน.272 เพื่อตัดอำนาจ สว.เลือกนายก ภายในเดือนก.ค. ผ่าน สู่การโหวตนายก รอบ 3 ภายในเดือน ก.ค. คาดการณ์ ผลกระทบ จัดตั้งรัฐบาลล่าช้าขึ้น ช่วงก่อนที่จะโหวตเลือกนายก ดัชนี SET จะซึม สะท้อนตลาดรอความชัดเจน หุ้นกลุ่มเปลี่ยนขั้วอาจถูกเทขาย
อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ จะต้องเจรจากับ สว.ให้โหวตมากขึ้น และเพื่อไทยเคยเสนอแก้ รธน.272 ไปแล้วในรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ไม่สำเร็จ และการแก้ไข รธน. ต้องได้เสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้าน 20% ต้องได้รับเสียงสนับสนุน จาก สว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง
นายภวัต กล่าวว่า กรณีที่ 2. พรรคเพื่อไทย มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คือ โหวตนายพิธาเป็นนายกครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ไม่ผ่าน และโหวตยกเลิก รธน. 272 ภายในสิ้นเดือน ก.ค. ไม่ผ่าน คาดการณ์ผลกระทบ หุ้นกลุ่มเปลี่ยนขั้วอาจดีดตัว และจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าขึ้น อย่างไรก็ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 กำหนดไว้ชัดเจนว่า ญัตติใดที่ตกไปแล้ว หรือรัฐสภาไม่เห็นชอบ ห้ามนำกลับมาเสนอใหม่
ขณะเดียวกันคาดผลกระทบในทางเศรษฐกิจเนื่องจากการจัดจั้งรัฐบาล ล่าช้า กระทรวงการคลัง ประเมินว่า กรณีจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยืดเยื้อไม่เกิน 6 เดือน คาด กระทบต่อมูลค่า จีดีพี ราว 0.05% ซึ่งในภาวะเช่นนี้ น่าจะทำให้ทิศทางของตลาดหุ้นไทยชัดเจนขึ้น กำหนดจุดดาวน์ไซด์ได้ระดับหนึ่ง ในสัปดาห์นี้มองแนวรับ ที่ 1,480 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด ยังมีโอกาสผันผวนต่อไปในเดือน ก.ค.นี้
ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำว่า เน้นหุ้นพื้นฐานแกร่งที่ย่อลงมาลึก จากความกังวลการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมือง หรือกลัวผลกระทบนโยบายพรรคก้าวไกล คาดหวังผลกำไรช่วงสั้นได้ในกลุ่มหุ้นที่ยังฟื้นไม่ถึงครึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเลือกตั้งได้แก่ STEC, SAWAD, EA ,GPSC ,TRUE, SCGP, CBG ,PLANB, GULF, MTC ,BEM ,HMPRO เป็นต้น
"แนะลือกหุ้นสลับขั้วที่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้มากกว่าตลาดในช่วงเวลาดังกล่าว เช่น STEC TRUE SCGP CBG PLANB GULF BEM”
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดดัชนีหุ้นไทย ในสัปดาห์นี้ ยังเคลื่อนไหวไซด์เวย์ ในกรอบ1,510-1,540 จุด กลยุทธ์การลงทุนในช่วงระยะสั้นนี้ แนะนำนักลงทุนกลับมาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) ที่ถูกกดดันก่อนหน้าจากปัจจัยการเมือง แต่กำไรไตรมาส 2 ปีนี้ยังเติบโตเด่น เช่น สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และโรงไฟฟ้า ได้แก่ LHFG , KJL ,SJWD ,IRPC เป็นต้น