เช็ก 7 หุ้น SETHD เข้าใหม่ จ่ายปันผลสูง ติดต่อกัน 4 ปี ใครเปย์หนักสุด

เช็ก 7 หุ้น SETHD เข้าใหม่ จ่ายปันผลสูง ติดต่อกัน 4 ปี ใครเปย์หนักสุด

หุ้น SETHD ที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศเข้ามาใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง มี 7 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย IVL JMART RCL SIR STA STGTและTASCO ที่สามารถจ่ายปันผลได้สูงในช่วง 4 ปี

การคัดเลือกหลักทรัพย์ของดัชนี SETHD ในแต่ละรอบมีหลักเกณฑ์หรือคุณสมบัติว่า "หุ้น"ตัวนั้นต้องเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นที่อยู่ในดัชนี SET100 ในรอบเดียวกัน รวมถีงเป็นหลักทรัพย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากข้อมูลตามรอบบัญชีย้อนหลัง 3 ปี 

ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ ได้ประกาศ หุ้น SETHD ที่เข้ามาใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังมีด้วยกัน 7 หลักทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักวิเคราะห์ประเมินว่า หุ้นเล่านี้ที่ถูกคัดเข้ามาในกลุ่มดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นคอมมูนิตี้ที่เป็นวัฎจักร ที่แม้ว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้สูง แต่ราคายังคงมีความเหวี่ยงอยู่มาก 

วีระวัฒน์  วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า หุ้นที่มีการคัดเข้ามาใหม่ในกลุ่ม SETHD ส่วนใหญ่เป็นหุ้นคอมมูนิตี้ ที่มองว่า ยังไม่ค่อยน่าจะใช้หุ้นปันผล เนื่องจากผลประกอบการค่อนข้างเหวี่ยง ส่งผลให้กำไรในแต่ละปีอาจจะออกมาไม่มีความสม่ำเสมอ แม้ว่าจะมีการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างสูง แต่ราคาจะมีความเหวี่ยงไปมามากด้วยเช่นกัน

ทั้งถ้าไปดู STGT มีการจ่ายปันสูงก็จริง แต่ถ้าไปดูราคาหุ้นยังลงมาค่อนข้างมาก ขณะที่หุ้น TASCO ก็เป็นหุ้นคอมมูนิตี้เช่นกัน ส่วน หุ้น SIRI ที่เข้ามาใหม่ แม้จะมีความชื่นชอบ และมีความน่าสนใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผลประกอบการของธุรกิจอสังหาก็จะคล้าย ๆ กับคอมมูนิตี้ที่จะไม่สม่ำเสมอทุกปีได้ตลอด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับโครงการในแต่ละปีมาก-น้อยแตกต่างกันออกไป หรือขายได้ดีมีกำไรหรือไม่  และส่วนหุ้น JMART ปันผลสูง เพราะราคาก่อนหน้านี้มีการปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก แต่ขณะเดียวกันบริษัทในเครือหลายล้วนแล้วแต่มีปัญหา อย่าง SINGER  เป็นต้น

แนะนำนักลงทุน ควรเลือกหุ้น SETHD ที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ หรืออาจจะหลีกเลี่ยงหุ้นประเภทคอมมูนิตี้ เพราะไม่ใช่หุ้นที่จะสามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ หุ้นที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาใหม่มองว่า ยังไม่ใช่หุ้นที่จะสามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ แม้ว่า Yield จะสามารถทำได้ทุกปี แต่หากดูที่เม็ดเงินไม่สามารถทำได้เท่ากันทุกปี ซึ่งถ้าจะหาหุ้นปันผลจริง ๆ ราคาต้องไม่เหวี่ยง อย่าง TISCO น่าสนใจ หากดูที่กำไรจะไม่มีความเหวี่ยงไปมา และสามารถจ่ายปันผลในแต่ละปีได้ค่อนข้างสูง

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หุ้นที่เข้ามาใหม่ในกลุ่ม SETHD อาจจะมาจากอัตราเงินปันผลตอบแทน หรือ Dividend Yield ที่ราคามีการปรับลงมา เพราะแต่ละตัวที่เข้ามาใหม่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นคอมมูนิตี้เกือบทั้งหมด แม้สามารถจ่ายปันผลสูงได้จริง แต่หากนักลงทุนเข้าไปในรอบที่ผิดอาจจะทำให้ขาดทุนได้ในระดับหนึ่ง 

ขณะที่หุ้น SIRI แม้จะไม่ใช่คอมมูนิตี้ แต่ราคามีการปรับขึ้นมาบ้างแล้วในเรื่องของการเมือง โดยปีนี้ SIRI ยังตั้งเป้าเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7.5 หมื่นล้านบาทดันยอด presales จะเพิ่มขึ้น 23.6% yoy เป็น 1 หมื่นล้านบาทใน 2Q23 / พัฒนาการณ์ทางการเมือง

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่หุุ้นที่เข้ามาใหม่ในกลุ่ม SETHD เป็นหุ้นวัฎจักรถ้าดูในช่วงก่อนหน้านี้ กำไรเริ่มกลับเข้ามาในหลาย ๆ ตัว เพราะฉะนั้นการจ่ายกำไรปันผลสามารถจ่ายได้ แต่หุ้นวัฎจักรหลายตัวมีลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาที่ค่อนข้างเหวี่ยงตามสินค้าโภคภัณฑ์ นักลงทุนอาจจะต้องเข้าไปซึ่งอย่างระมัดระวัง หรือให้ถูกรอบ 

“หุ้นกลุ่มพวกนี้ให้ปันผลดี แต่ต้องดูในรอบของอุตสาหกรรมให้ถูก เช่น หุ้น STGT ถุงมือยางต้องซื้อให้ถูกในรอบของโควิดระบาด ซึ่งตอนนี้จบลงไปแล้ว STA ด้องดูตอนราคายางกำลังจะขึ้น ซึ่งขณะนี้เป็นเรื่องของเอลนีโญ ผลผลิตยางจากภาคใต้อาจจะได้รับผลกระทบ ถ้าเกิดภาวะแล้งกว่าปกติ และไม่สามารถกรีดยางได้ รวมถึงมาตรการของฝั่งยุโรปหากมีการทำลายป่า อย่างกรีดยาง จะต้องมีการเสียภาษีเพิ่ม แม้กระทั่งหุ้น RCL ส่งออก ซึ่งติดลบมากว่า 7 เดือน แม้ราคาเหมือนจะยืนได้ แต่ก็ยังติดลบต่อก็อาจจะเป็นความเสี่ยง ส่วนหุ้น TASCO เกี่ยวกับยางมะตอย เพราะฉะนั้นกลุ่มเหล่านี้จะมีความเป็นวัฎจักรป่นอยู่ด้วย แม้ว่าปันผลจะสูง” 

“กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจหุ้น SETHD ที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศเข้ามาใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง มี 7 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL), บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART), บมจ. อาร์ ซี แอล (RCL), บมจ. แสนสิริ (SIRI), บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA), บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) และ บมจ. ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) ที่สามารถจ่ายปันผลได้สูงในช่วง 4 ปีย้อนหลังมีหลักทรัพย์ใดบ้าง  

เช็ก 7 หุ้น SETHD เข้าใหม่ จ่ายปันผลสูง ติดต่อกัน 4 ปี ใครเปย์หนักสุด

1. บมจ. แสนสิริ หรือ SIRI ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็น 1. ธุรกิจเพื่อขาย โดยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง 2. ธุรกิจเพื่อให้เช่าอาคารสำนักงาน และอาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นโครงการที่ขายสิทธิการเช่า และธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ โดยแบ่งเป็นธุรกิจบริหารงานขายโครงการ ธุรกิจนายหน้า และบริการด้านการบริหารและจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์

  • เงินปันผลปี 62 ที่ 11.31%
  • เงินปันผลปี 63 ที่  9.40%
  • เงินปันผลปี 64 ที่ 3.25%
  • เงินปันผลปี 65 ที่ 3.40%
  • เงินปันผล YTD ที่ 7.00%
  • ราคาสูงสุด / ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 2.10 / 0.97 บาท 

2. บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี หรือ STA ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายยางธรรมชาติแบบครบวงจร (Full Supply Chain) ในหลากหลายประเทศ เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำการทำสวนยางพาราในประเทศไทย ธุรกิจกลางน้ำการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ ทั้งยางแท่ง (TSR) ยางแผ่นรมควัน (RSS) และน้ำยางข้น (Concentrated Latex) รวมถึงธุรกิจปลายน้ำในการผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยาง และสินค้าสำเร็จรูป อาทิ ท่อไฮดรอลิกแรงดันสูง

  • เงินปันผลปี 62 ที่ 6.50%
  • เงินปันผลปี 63 ที่  1.32%
  • เงินปันผลปี 64 ที่ 7.26%
  • เงินปันผลปี 65 ที่ 19.67%
  • เงินปันผล YTD ที่  11.56%
  • ราคาสูงสุด / ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 26.00 / 16.40 บาท 

3. บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีแบบครบวงจร

  • เงินปันผลปี 62 ที่ 3.99%
  • เงินปันผลปี 63 ที่  3.31%
  • เงินปันผลปี 64 ที่ 1.62%
  • เงินปันผลปี 65 ที่ 2.45%
  • เงินปันผล YTD ที่  4.89%
  • ราคาสูงสุด / ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 46.25 / 31.00 บาท 

4. บมจ. ทิปโก้แอสฟัลท์ หรือ TASCO เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยสำหรับนำไปใช้ในการก่อสร้างถนน และซ่อมบำรุงผิวการจราจร ทางยกระดับ ผิวทางวิ่งขึ้นลง ของสนามบิน ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังผู้นำเข้าและผู้รับเหมาก่อสร้างและซ่อมบำรุงถนนในทวีปแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ

  • เงินปันผลปี 62 ที่ 1.41%
  • เงินปันผลปี 63 ที่  8.56%
  • เงินปันผลปี 64 ที่ 8.84%
  • เงินปันผลปี 65 ที่ 6.21%
  • เงินปันผล YTD ที่ 7.10%
  • ราคาสูงสุด / ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 21.00 / 15.90 บาท 

5. บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ JMART ประกอบธุรกิจหลักของบริษัท จำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่หลักทุกรายและผู้ให้บริการเครือข่าย และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

  • เงินปันผลปี 62 ที่ -%
  • เงินปันผลปี 63 ที่  1.28%
  • เงินปันผลปี 64 ที่ 0.82%
  • เงินปันผลปี 65 ที่ 3.55%
  • เงินปันผล YTD ที่  6.70%
  • ราคาสูงสุด / ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 54.75 / 13.10 บาท 

6. บมจ. อาร์ ซี แอล หรือ RCL ธุรกิจสายการเดินเรือที่ประกอบธุรกิจขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลที่มีฐานประกอบกิจการในประเทศไทย ดำเนิน 3 สายธุรกิจ ได้แก่ 1. Shipper Owned Container 2. Carrier Owned Container และ 3. การให้บริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มในด้านโลจิสติคส์ โดยมีเครือข่ายสำนักงานที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาบสมุทรเอเชียใต้ และตะวันออกกลาง

  • เงินปันผลปี 62 ที่ -%
  • เงินปันผลปี 63 ที่ -%
  • เงินปันผลปี 64 ที่ 1.02%
  • เงินปันผลปี 65 ที่ 19.51%
  • เงินปันผล YTD ที่  28.93%
  • ราคาสูงสุด / ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 41.00 / 22.90 บาท 

7. บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมอื่น โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ถุงมือยางธรรมชาติชนิดมีแป้ง ถุงมือยางธรรมชาติชนิดไม่มีแป้ง และถุงมือยางไนไตรล์

  • เงินปันผลปี 62 ที่ -%
  • เงินปันผลปี 63 ที่  -%
  • เงินปันผลปี 64 ที่ 8.66%
  • เงินปันผลปี 65 ที่ 46.44%
  • เงินปันผล YTD ที่ 10.14%
  • ราคาสูงสุด / ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 17.20 / 7.00 บาท 
  •