โบรก ชี้ ฟันด์โฟลว์ พร้อมลุยหุ้นไทย เหตุ ‘การเมืองคืบ-บาทอ่อน - ถือหุ้นต่ำมาก’
“บล.เอเซียพลัส” เชื่อต่างชาติพร้อมลงทุนหุ้นไทย หลัง“ถือครองหุ้นไทยต่ำมาก -การเมืองคืบ-เงินบาทอ่อนค่า” ชี้ หากการเมืองราบรื่นดันดัชนีสิ้นปีแตะ1,610 จุด “บล.หยวนต้า” เชื่อแรงซื้อชะลอรอผลาศาลรธน.16 ธ.ค."บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี" มองต่างชาติปรับพอร์ต เข้าซื้อหุ้นพลังงาน
ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (9-10 ส.ค. )นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิ 2,804.79 ล้านบาท และ1,171.37 ล้านบาทตามลำดับ จากปัจจัยการเมืองมีพัฒนาการเชิงบวกในการจัดตั้งรัฐบาลแต่ต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาปมเสนอ ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯซ้ำ ในวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งหากสามารถจัดตั้งรัฐบาลภายในเดือนส.ค.นี้ ทำให้เป็นการปลดล็อกภาวะการลงทุน
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจาก ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) หุ้นไทยมาก ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันขายสุทธิแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติต่ำมากๆ
รวมถึงปัจจัยการเมืองขณะนี้เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีโอกาสสูงขึ้นที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือนส.ค. ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มคลายกังวลในปัจจัยนี้ ประกอบกับค่าเงินบาทถือว่าอ่อนค่ามากเกินไป ดังนั้นมองว่าปัจจัยดังกล่าวหนุนให้นักลงทุนต่างชาติสนใจหุ้นไทยมากขึ้น
สำหรับแรงซื้อจะมีเข้ามาต่อเนื่องหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพัฒนาทางการเมือง ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าจะมีแรงซื้อต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ แต่มูลค่าการเข้ามาซื้อนั้นอาจจะไม่มาก เพื่อรอดูประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาปมเสนอ ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯซ้ำ ในวันที่ 16 ส.ค. แต่ส่วนตัวมองว่าประเด็นดังกล่าวไม่น่ากังวล ไม่กระทบกับการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี มองว่าตลาดตอบรับในเชิงบวก
อย่างไรก็ตามต้องติดตามต่อต้องติดตามหลังจากจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วการเมืองจะราบรื่นหรือไม่ เช่น หากมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนตลาดหุ้นไทยได้ โดยระยะสั้นมองดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปแตะ 1,545 จุด หากการเมืองพัฒนาเชิงบวกเรื่อยๆมองดัชนีมีโฮกาสปรับขึ้นแตะ 1,610 จุดได้ปลายปีนี้
“ปัจจุบันต่างชาติพร้อมที่จะเข้าซื้อหุ้นไทย จาก3 ปัจจัย คือที่ผ่านมาUnderweightตลาดหุ้นไทยไปมากแล้ว การเมืองมีพัฒนาการเชิงบวกทำให้คลายความกังวล และค่าเงินบาทอ่อนค่ามากเกินไป ซึ่งเชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะยังซื้อต่อแต่แรงซื้ออาจจะไม่มาก เพราะรอดูปัจจัยการเมืองในสัปดาห์นี้ ”
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ ฝ่ายวิจัยแนะลดถือเงินสด เพิ่มลงทุนหุ้น ในธีม Earning Play โดยเน้นหุ้นที่กำไรไตรมาส2 ปี 2566 จะออกมาดี หรือหุ้นที่กำไรไตรมาส2 ปีนี้ ผ่านต่ำสุดแล้ว เตรียมที่จะฟื้นตัว หุ้นแนะนำ เช่นBEM,SIRI ,PTTGC
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ กระแสเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่อง จากปัจจัยพัฒนาการของการเมืองไทยดีขึ้น ขณะที่อัพไซด์จะเปิดกว้างมากขึ้น เมื่อรวมเสียงได้เกิน 250 เสียงอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ (15- 19 ส.ค.) ขณะเดียวกันยังคาดหวังเงินปันผลระหว่างกาลของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์)ที่จะเริ่มทยอยประกาศสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตามแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ หลังผ่านช่วงวันหยุดยาว มองว่าโมเมนตัมของฟันด์โฟวล์อาจจะชะลอได้บ้าง เพื่อรอดูปัจจัยสำคัญ คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนในวันที่ 16 ส.ค.นี้ ซึ่งตลาดมองว่า หากศาลรธน.ไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินฯ คาดว่าฟันด์โฟลว์น่าจะยังทยอยไหลเข้าต่อ แต่ยังรอผ่านวันโหวตนายกรัฐมนตรีฯไปก่อน
สำหรับการลงทุนแนะนำ พักเงินในกลุ่มGlobal play หรือ หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวสัปดาห์นี้มองกรอบดัชนี โดยมองแนวรับที่1,525 จุด และ แนวต้าน 1,545 จุด
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุนสายงานวิจัย บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ฟันด์โฟวล์ต่างชาติมีการปรับพอร์ตขายหุ้นกลุ่มธุรกิจในประเทศ และเข้าเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน
สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ มีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์ต่างชาติเข้าต่อเนื่อง ถ้ามีปัจจัยราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยระยะสั้นๆ พยุงดัชนีได้ ทางด้านปัจจัยการเมืองไทยนั้นนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ ยังรอมีการจัดตั้งรัฐบาลที่ชัดเจนก่อนค่อยกลับเข้ามา มองกรอบดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งตัวกรอบแคบ แนวรับ 1,525 จุด และแนวต้าน1,550 จุด