EPG ชี้ 'แอร์โรเฟลกซ์' เรือธงดันกำไร เหตุจ่อรุกตลาดใหม่เติบโตสูง
EPG ชี้ แอร์โรเฟลกซ์ เป็นเรือธงสร้างกำไรให้บริษัทสูงสุด เหตุจ่อรุกขยายตลาดใหม่ที่เติบโตสูง มั่นใจผลดำเนินงานไตรมาส 2 สูงกว่าไตรมาสแรก ดันทั้งปีรายได้เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.2 หมื่นล้าน ด้านบล.หยวนต้า คงคาดกำไรปีนี้ 1.4 พันล้าน เหตุทุกธุรกิจเติบโต
นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2566/2567 (ก.ค. - ก.ย.66)เพิ่มขึ้นกว่าไตรมาส 1 ปี 2566/2567 ( เม.ย.- มิ.ย.66) ที่มีรายได้ 2,985.7 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 309.3 ล้านบาท เนื่องจาก ปกติในช่วงไตรมาสที่ 1 ผลดำเนินงานของบริษัทจะต่ำสุด เพราะมีวันหยุดยาวหลายวัน
ทั้งนี้รายได้ทุกกลุ่มธุรกิจก็จะเติบโต อย่างธุรกิจผลิต และจำหน่ายฉนวนกันความร้อน/เย็น ของกลุ่มบริษัทแอร์โรเฟลกซ์ เติบโตทั้งกลุ่มลูกค้าเดิม โดยการเพิ่มสินค้าใหม่เข้าไปในตลาดคือ กลุ่ม ฉนวนหุ้มท่อลม ซึ่งตลาดนี้ใหญ่มาก และตลาดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา เติบโตมาก รวมถึงการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่มากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว
"แอร์โรเฟลกซ์ จะเป็นเรือธงของบริษัทในด้านธุรกิจที่สร้างกำไรสูงที่สุดของเรา เพราะมีแนวโน้มเติบโตสูงจากที่เราขยายจำหน่ายสินค้าเข้าไปในตลาดใหม่ๆ ที่เป็นตลาดที่ใหญ่ และมีมาร์จิ้นที่สูง ”
สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ (EPP ) บริษัทปรับแผนการจำหน่ายสินค้าจากเดิมขายผ่านWHOLESALE หันมาจำหน่ายเอง แก่ลูกค้าโดยตรง โดยจะเจาะกลุ่ม Food Truck กลุ่มสตรีทฟู้ด ฯลฯ
ส่วนธุรกิจผลิต และจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ และตกแต่งยานยนต์ (แอร์โรคลาส) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากเศรษฐกิจออสเตรเลียมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา สถานการณ์ขาดแคลนชิปเริ่มคลี่คลาย และบริษัทอยู่ระหว่างปรับกลยุทธ์การขายของ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ( แบรนด์ “Tough Dog) เพื่อทำให้ไม่ขาดทุน
ดังนั้นยังคงมั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้งวดปี 2566/2567 โต 10% จากปีก่อน 12,194 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าทุุกธุรกิจรายได้จะเติบโตประมาณ 8-10% และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 30%
นายเฉลียว กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาดีลซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีหลายบริษัทที่เสนอเข้ามา โดยเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หรือสามารถต่อยอดกับ 3 ธุรกิจเดิมของบริษัท ซึ่งหากบริษัทปิดดีลได้ บริษัทมีกระแสเงินสด และมีวงเงินในการออกหุ้นกู้ สามารถนำมาใช้ในการซื้อกิจการได้
สำหรับปัจจุบันบริษัทได้ขยายวงเงินในการออกเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีวงเงินออกเสนอขายหุ้นกู้ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีวงเงินในการออกเสนอขายหุ้นกู้รวมไม่เกิน 3,000 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุ หลังจากEPG ประกาศงบไตรมาส 1 ออกมามีกำไรคิดเป็น 19% ของประมาณการกำไรปีนี้ ทำให้ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการเดิมซึ่งคาดว่ากำไรปกติงวดปีนี้(เม.ย.66 - มี.ค.67)อยู่ที่ 1,403 ล้านบาท เติบโต 13.6% จากปีก่อน เนื่องจาก แนวโน้มผลดำเนินงานของ EPG จะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ หนุนจาก 1.ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน ยังเป็นดาวเด่นของบริษัท สามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐ และญี่ปุ่นมากขึ้นบวกกับนโยบายเน้นขายสินค้าที่ให้อัตรากำไรสูงซึ่งการแข่งขันยังไม่รุนแรงเพราะมีผู้ผลิตน้อยราย
2. ธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากการผลิตยานยนต์ในประเทศที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 หนุนให้คำสั่งซื้ออะไหล่ในกลุ่ม ODM และ OEM ปรับตัวขึ้นได้ดี ส่วนธุรกิจในออสเตรเลียจะเน้นที่อุปกรณ์ตกแต่งซึ่งให้อัตรากำไรสูง และ 3.ธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกคาดยอดขายจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ตามการบริโภคในประเทศที่สูงขึ้นในช่วงปลายปี และผลกระทบจากการลด Stock ของพ่อค้ารายย่อยที่น้อยลง
สำหรับราคาหุ้นที่ปรับลงตอบรับผลกระทบจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก และธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ที่ชะลอตัวไปมาก จนปัจจุบันมี Upside 60.9% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 10.30 บาท ขณะที่เราคาดแนวโน้มกำไรปกติจะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่เหลือของปี จึงคงคำแนะนำซื้อ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์