BJC ส่งบริษัทย่อยของ BRC ทุ่ม 300 ล้าน ซื้อกิจการ ‘กลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย’
BJC ส่งบริษัทย่อยของ ‘บิ๊กซี รีเทล’ ทุ่มเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท ซื้อกิจการ “กลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย” ในฮ่องกง คาดดำเนินการเสร็จภายใน ต.ค. 66 รุกขยายธุรกิจค้าปลีกภายใต้ “แบรนด์ บิ๊กซี” และธุรกิจค้าส่งสินค้า อุปโภคบริโภค ในฮ่องกงเต็มตัว
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทขอแจ้งให้ทราบถึงการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งของบริษัท โดยสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการบริหารของ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอร์ชั่น จำกัด (มหาชน) (“บีอาร์ซี”) ครั้งที่ 2/2566 ประชุมเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566ได้มีมติอนุมัติการซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ที่มีตัวตน สินทรัพย์ไม่มีตัวตน สินค้าคงคลัง และเครื่องหมายการค้า
ในการนี้ บริษัทจึงขอนำเสนอรายละเอียดของสารสนเทศเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสินทรัพย์จากกลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.วัน เดือน ปีที่เกิดรายการ
บิ๊กซี (เอชเค) คัมปะนี ลิมิเต็ด และ บริษัท บีเจซี - เอ็มพอยท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทย่อยของ บีอาร์ซี ได้เข้าซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มบริษัท อะเบ๊าท์ไทย โดยรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าว มูลค่าที่บริษัทฯ จะเข้าทำรายการไม่เกิน 300 ล้านบาท จะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคม 2566
2. คู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง
ผู้ซื้อ : บิ๊กซี (เอชเค) คัมปะนี ลิมิเต็ด และบริษัท บีเจซี-เอ็มพ็อยท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ผู้ขาย : กลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย
2.1 รายละเอียดของกลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย
ประเภทธุรกิจ จัดหาสินค้าไทยเพื่อนำเข้าไปจัดจำหน่ายในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้แบรนด์ บิ๊กซี และธุรกิจค้าส่งสินค้า อุปโภคบริโภค ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าว ไม่เป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัท จากการคำนวณขนาดของรายการนั้นขนาดรายการสูงสุดตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิซึ่งน้อยกว่าร้อยละ 15 นอกจากนี้ เมื่อพิจารณารายการได้มาจำหน่ายซึ่งสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือน ก่อนวันที่มีการตกลงเข้าทำรายการนี้ปรากฏว่า บริษัทมีขนาดรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นน้อยกว่าร้อยละ15
ดังนั้น การเข้าทำรายการดังกล่าวจึงไม่ถือเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่จะต้องรายงานสารสนเทศ และปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการท ารายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547