‘กูรู’ ชี้ชนวนเหตุ '2บิ๊กไอพีโอ' เลื่อนแผนเข้าตลาดหุ้นปี 66
“กูรู” ชี้ตลาดหุ้น & ผลงานไม่หนุน กระทบ 2ไอพีโอบิ๊กเนม “เลื่อน” เข้าระดมทุนในปี 66 เชื่อหากภาพรวมตลาดและเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง
หากเอ่ยถึง 2 บริษัทชื่อดังอย่าง บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) และ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น (BRC) เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ! เพราะในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 2 บริษัทอยู่ใน “สปอร์ตไลท์” ของนักลงทุน เพราะอยู่ขั้นตอนการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งเรียกกระแสความสนใจของนักลงทุนได้
รวมทั้งยังเป็นหุ้นไอพีโอไซด์ใหญ่ ที่มาจากการ “Spin-off” หรือแยกบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นของ 2 บริษัทมหาชนขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ที่แยกธุรกิจปิโตรเคมีเข้าระดมทุนผ่าน “เอสซีจี เคมิคอลส์” และ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ที่แยกธุรกิจการค้าปลีก (Retail) และการค้าส่ง (Wholesale) เข้าระดมทุนผ่าน “บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น”
แต่เมื่อ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา SCC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ไม่สามารถดำเนินการขายหุ้นไอพีโอ SCGC ได้ทันตามที่ ก.ล.ต. เมื่อ 12 เม.ย. 2566 ให้ขยายระยะเวลาการอนุญาตให้เสนอขายหุ้นไอพีโอออกไปถึงวันที่ 4 ต.ค. 2566 และไม่สามารถขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปได้อีก ซึ่งเป็นไปตามที่ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่เกี่ยวข้องกำหนด
สืบเนื่องจากได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการเสนอขายหุ้นไอพีโอและนำหุ้นของ SCGC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ความพร้อมของตลาดทั้งในและต่างประเทศที่จะรองรับไอพีโอขนาดใหญ่จากบริษัทไทยในขณะนี้ รวมถึงสถานการณ์ภายนอก เช่น ด้านเศรษฐกิจและวิกฤติราคาพลังงาน เป็นต้น
และวันถัดมา (29 ส.ค.) BJC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นเดียวกันว่า บริษัทขอชะลอแผนเสนอขายหุ้นไอพีโอ BRC โดยให้เหตุผลถึงการตัดสินใจครั้งนี้ ! บริษัทได้พิจารณาจากสถานการณ์ตลาดทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีความผันผวนจากสภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม
รวมถึงการพิจารณาร่วมกับที่ปรึกษา จึงพิจารณาชะลอการดำเนินการตามแผนไอพีโอในครั้งนี้ออกไป ด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายโดยรวมเป็นหลัก
จึงเป็นชนวนเหตุแห่งความสงสัยทำไม !? 2หุ้นไอพีโอบิ๊กเนมประกาศ “เลื่อน” แผนการเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไล่เลี่ยกัน “กรุงเทพธุรกิจ” สอบถามเหล่า “กูรูผู้คว่ำหวอด” ในตลาดหุ้นไทยมาวิเคราะห์ในเรื่องดังกล่าว
“กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บอกว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยถือว่าปรับตัวดีขึ้นจากเดิม โดยทิศทางดัชนีหุ้นไทยคาดแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,540-1,560 จุด เนื่องจากราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นในบางกลุ่ม ส่วนอีกบางกลุ่มยังได้รับปัจจัยกระทบ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า
สำหรับกรณีที่มีหุ้นไอพีโอ 2 บริษัทใหญ่ที่ประกาศชะลอแผนการระดมทุนออกไปนั้น ส่วนตัวมองเป็น “2 มิติ” คือ 1.ภาพรวมของผลประกอบการอาจจะยังไม่ชัดเจน เนื่องจากไอพีโอทั้ง 2 ตัว อยู่ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และ กลุ่มคอมมอลดิตี(ปิโตรเคมี)
โดยในกลุ่มค้าปลีกคาดว่าอาจจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในปีนี้ ส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร และคาดว่ามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอาจจะไม่มี เพราะการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีมีแนวโน้ที่จะโอเวอร์ซัพพลายไปจนถึงปีหน้า
2.ความพร้อมของบรรยากาศลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่ชัดเจนเรื่องของเม็ดเงินไหลเข้า (ฟันด์โฟวล์) ดังนั้น ดูเหมือนตลาดหุ้นไทยจะยังไม่มีจุด “จูงใจ” นักลงทุนมากนัก ซึ่งการเสนอขายหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ที่ต้องการเงินระดมทุนจำนวนมาก ต้องดูทั้งความพร้อมของนักลงทุนว่ามีกระแสตอบรับเป็นเช่นไร
“เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” นักลงทุนรายใหญ่ เจ้าของพอร์ตลงทุนระดับ “พันล้าน” บอกว่า ในมุมมองส่วนตัวมองว่าไอพีโอทั้ง 2 ตัว “SCGC-BRC” เป็นไอพีโอไซด์ใหญ่ ดังนั้น เจ้าของอาจจะต้องการความชัดเจนทั้งในมุมของสถานการณ์ภาวะตลาดหุ้น และ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศให้ดีขึ้นก่อน จึงทำตัดสินใจเลื่อนการขายหุ้นออกไปก่อนก็เป็นไปได้
“เรามองว่าด้วยสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนแล้ว และกำลังเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น มองบรรยากาศลงทุนน่าจะปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากการซื้อขายที่มีเข้ามาคึกคัก”