โบรกเกอร์ชี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้า ครม. เป็นจุดพลิกดึงฟันด์โฟลว์ไหลกลับ

โบรกเกอร์ชี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้า ครม.  เป็นจุดพลิกดึงฟันด์โฟลว์ไหลกลับ

“ต่างชาติ” ขายหุ้นไทยต่อเนื่อง วานนี้ทิ้งอีก 2.6 พันล้าน “ตลท.” ชี้ หุ้นไทยซึม เหตุรอรายละเอียดมาตรการรัฐบาลใหม่ ชี้นโยบาย ครม.เศรษฐา ส่งผลดี - ผลเสียต่อกลุ่มหุ้น แนะศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน บล.กสิกรไทย คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้า ครม.เป็นจุดพลิกดึงฟันด์โฟลว์ไหลกลับ

วานนี้ (11 ก.ย.66) แม้จะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ในวันแรก แต่ยังไม่เห็นรายละเอียดเพิ่มเติม  ทำให้ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบ ปิดตลาดที่ระดับ 1,540 จุด ปรับตัวลง 6.23 จุด หรือ 0.40% นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง  2,601 ล้านบาท ซึ่งเป็นขายสุทธิติดต่อกัน 8 วันทำการ ทำให้ตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบันมียอดขายสุทธิ 144,569.20 ล้านบาท   

นายภากร  ปีตธวัชชัย  กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงวานนี้ ส่วนหนึ่งนักลงทุนยังรอติดตามรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ที่จะออกมา หากมาตรการดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น จะยิ่งส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย 

 สำหรับนโยบายที่รัฐบาลใหม่ที่จะออกมารอบนี้  โดยจะมีทั้งเป็นผลดีกับบางอุตสาหกรรม และเป็นผลเสียกับบางอุตสาหกรรม  ดังนั้นแนะนักลงทุนติดตามข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน  

โบรกเกอร์ชี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้า ครม.  เป็นจุดพลิกดึงฟันด์โฟลว์ไหลกลับ

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. กล่าวว่า  หลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โจทย์สำคัญคือ กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศเป็นหลัก ยิ่งมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ชัดมากเท่าไร และสามารถผ่านงบประมาณ และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณได้เร็วที่สุด  ยิ่งส่งผลดีต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในระยะข้างหน้า       

 ส่วนแนวโน้มเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์)ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ยังต้องติดตามภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย   เพราะหากเศรษฐกิจจีนเกิดปัญหา จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมถึงการค้า และการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย นับเป็นความผันผวนใหม่ ซึ่งจะต้องติดตาม 

"ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ ฟันด์โฟลว์ไหลออกประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเดือนส.ค. เป็นเงินไหล 14,700 ล้านบาท ซึ่งฟันด์โฟลว์ไม่ได้ไหลออกรุนแรง เหมือนช่วงเดือนก.พ.หรือ เม.ย.2566"

นายรัฐศักดิ์  พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า  ประเมินว่าภาพรวมฟันด์โฟลว์ จะไหลเข้าหุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการสามารถฟื้นตัวได้ชัดตั้งแต่ปลายปีนี้ และได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่น่าจะมีความชัดเจนในช่วงเสนอเข้า ครม. พิจารณา เช่น มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน ลดค่าไฟ ค่าครองชีพ และพักหนี้เกษตรกร  ซึ่งฝ่ายวิจัยแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL, ERW, BA, AAV ), ค้าปลีก (CRC, CPALL, CPAXT, DOHOME) และ การเงิน (TIDLOR, SAWAD, MTC, SAK) 

  อย่างไรก็ดี หากมองข้ามไปยังปลายปีนี้หรือปีหน้า เรายังเชื่อว่าหาก เฟดส่งสัญญาณทิศทางนโยบายการเงินที่ชัดเจนว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันมีความเพียงพอแล้ว จะช่วยสนับสนุนให้ฟันด์โฟลว์ไหลออกจากประเทศกลุ่มพัฒนาแล้ว (DM) โดยเฉพาะสหรัฐ และหมุนกลับมายังกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (EM) ซึ่งประเทศไทยน่าจะเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ เพราะราคาหุ้นถูกกว่าประเทศอื่น และแนวโน้มเศรษฐกิจมีทิศทางที่จะฟื้นตัวได้ชัดขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป

   

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์