เปิดพอร์ต 3 ตระกูลเศรษฐีหุ้น ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง มูลค่ารวม 1.23 แสนล้านบาท
เปิดพอร์ต 3 ตระกูลเศรษฐีหุ้น ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง มูลค่ารวม 1.23 แสนล้านบาท ตระกูล “อัศวโภคิน” ถือหุุ้นใหญ่ HMPRO และ Q-CON มูลค่ารวมกว่า 77,506.99 ล้านบาท
ฤดูฝนเริ่มจะผ่านพ้นไปแล้ว และเริ่มย่างก้าวเข้าสู่หน้าหนาว ทำให้สินค้าที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้านได้รับอานิสงส์ โดยบริษัทที่อยู่ในกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งซ่อมแซมที่อยู่อาศัย จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ จะมีที่โดดเด่น 4 หลักทรัพย์ คือ
- บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO
- บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL
- บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME
- บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON จาก 3 ตระกูลใหญ่
ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจกลุ่มดังกล่าวจาก 3 ตระกูลใหญ่ ที่มีความมั่งคั่งรวมกันกว่า 123,000.61 ล้านบาท
เปิดพอร์ต 3 ตระกูลเศรษฐีหุ้น ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง
1. บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) Q-CON ของตระกูล “อัศวโภคิน” ถือหุุ้นใหญ่มูลค่ารวมกว่า 77,506.99 ล้านบาท
ปัจจุบัน หุ้น HMPRO มี “อนันต์ อัศวโภคิน” เป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทฯ ขณะที่ อาชวิณ อัศวโภคิน (ลูกชายอนันต์) เป็นกรรมการ
นอกจากนี้ยังมีบริษัทของตระกูล “อัศวโภคิน” เข้าถือหุ้นใหญ่
- บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 3,975,878,432 หุ้น หรือ 30.23% มูลค่า 46,120.19 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 26 ต.ค.66 ที่ 11.60 บาท)
- บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 2,613,023,098 หุ้น หรือ 19.87% มูลค่า 30,311.07 ล้านบาท
ปัจจุบัน HMPRO มีสาขาทั้งสิ้น 94 สาขา ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 36 สาขา และในพื้นที่ต่างจังหวัด 58 สาขา รวมเป็น 188 สาขา
ส่วนหุ้น Q-CON พบว่า มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย
- บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 84,627,680 หุ้น หรือ 21.16% มูลค่า 1,057.85 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 26 ต.ค.66 ที่ 12.50 บาท)
- น.ส.เพียงใจ หาญพาณิชย์ (แม่อนันต์ และอนุพงษ์ อัศวโภคิน) ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 1,431,200 หุ้น หรือ 0.36% มูลค่า 17.89 ล้านบาท
ปัจจุบัน Q-CON ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 5 โรงงาน ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี และตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง (ดำเนินงานโดยบริษัทย่อย คือ บริษัทคิว-คอน อีสเทอร์น จำกัด) เพื่อผลิตคอนกรีตมวลเบา โดยได้รับลิขสิทธิ์และเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูงจาก บริษัท ฮีเบล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเทศเยอรมัน ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้นำด้านคอนกรีตมวลเบาทั่วโลกมากกว่า 70 ปี เป็นที่ยอมรับในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยนำไปใช้งานการก่อสร้างอาคารทุกประเภทอย่างกว้างขวางทั้งในยุโรป ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี คูเวต มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น
สำหรับตระกูล “ตระกูลอัศวโภคิน” ไม่ได้มีแค่ธุรกิจดังกล่าว แต่เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH บมจ.เอพี (ประเทศไทย) หรือ AP บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือ QH รวมถึงธุรกิจโรงแรมแมนดารินโฮเต็ล หรือ MANRIN
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจการเงิน อย่าง บริษัทหลักทรัพย์แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บมจ.แอลเอช ไฟแนนซ์เชียลกรุ๊ป หรือ LHFG และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อีกด้วย
2.บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL
ธุรกิจของ GLOBAL ของตระกูล “สุริยวนากุล” ที่เติบโตมาจากต่างจังหวัด โดยสาขาแรกเปิดเมื่อปี 40 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี “วิทูร สุริยวนากุล” เป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจ
ปัจจุบันคนในตระกูล “สุริยวนากุล” เข้าถือหุ้นใหญ่ มูลค่ารวม 24,806.55 ล้านบาท
- น.ส. กุณฑี สุริยวนากุล ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 544,197,012 หุ้น หรือ 11.33% มูลค่า 8,326.21 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 26 ต.ค.66 ที่ 15.30 บาท)
- นาย เกรียงไกร สุริยวนากุล ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 จำนวน 534,956,555 หุ้น หรือ 11.14% มูลค่า 8,184.84 ล้านบาท
- ด.ช. กอกฤษต สุริยวนากุล ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 186,046,874 หุ้น หรือ 3.87% มูลค่า 2,846.52 ล้านบาท
- นาย ก้องภพ สุริยวนากุล ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6 จำนวน 178,717,516 หุ้น หรือ 3.72% มูลค่า 2,734.38 ล้านบาท
- น.ส. ชามา สุริยวนากุล ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 177,424,998 หุ้น หรือ 3.70% มูลค่า 2,714.60 ล้านบาท
ปัจจุบัน GLOBAL มีด้วยกันทั้งสิ้น 80 สาขา ทั่วประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังมีการขยายสาขาในต่างประเทศ ได้แก่ สาขากัมพูชา สาขาที่ 2 ภายในปีนี้ และขยายสาขาในประเทศลาว โซนเวียงจันทน์ เพื่อให้ขยายตลาดให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงมีแผนขยายสาขาไปยังแถบภาคเหนือของประเทศลาวในปี 68 จากปัจจุบันมีทั้งหมด 7 สาขา
นอกจากนี้ในประเทศเมียนมา จากปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมด 12 สาขา และในปี 66 มีแผนเปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขา และในระยะ 2-3 ปี บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 4-5 สาขา ส่วนในประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศใหม่ที่บริษัทได้เข้าไปร่วมทุนกับพันธมิตรรายใหญ่ในพื้นที่ ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 12 สาขา และมีแผนขยายสาขาในปี 2566 เพิ่มอีก 2 สาขา
3.บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) DOHOME
ธุรกิจของ DOHOME มาจาก ตระกูล “ตั้งมิตรประชา” โดย อดิศักดิ์ และนาตยา ตั้งมิตรประชา สองสามี - ภรรยา เป็นผู้ก่อตั้ง โดยกิจการดังกล่าวเติบโตมาจาก ร้านค้าวัสดุห้องแถวในจังหวัดอุบลราชนี ชื่อบริษัท อุบลวัสดุ จำกัด เมื่อปี 36
ปัจจุบันบริษัทในเครือ และคนในตระกูล “ตั้งมิตรประชา” เข้าถือหุ้นใหญ่ มูลค่ารวม 20,687.07 ล้านบาท
บริษัท ดูโฮมโฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 1 จำนวน 819,000,000 หุ้น หรือ 28.18% มูลค่า 9,090.90 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 26 ต.ค.66 ที่ 11.10 บาท)
- นาย อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 327,600,000 หุ้น หรือ 11.27% มูลค่า 3,636.36 ล้านบาท
- นาง นาตยา ตั้งมิตรประชา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 จำนวน 245,699,998 หุ้น หรือ 8.45% มูลค่า 2,727.27 ล้านบาท
- น.ส. อริยา ตั้งมิตรประชา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 163,800,000 หุ้น หรือ 5.64% มูลค่า 1,818.18 ล้านบาท
- นาย มารวย ตั้งมิตรประชา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 163,800,000 หุ้น หรือ 5.64% มูลค่า 1,818.18 ล้านบาท
- นาง สลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 143,800,000 หุ้น หรือ 4.95% มูลค่า 1,596.18 ล้านบาท
ปัจจุบัน DOHOME มี 24 สาขาทั่วประเทศ และในปีนี้บริษัทวางงบการลงทุนเพื่อขยายสาขาราว 3 พันล้านบาท แบ่งเป็น DOHOME จำนวน 3 สาขา สาขาละ 500 ล้านบาท ขนาด 2 หมื่นตารางเมตร ไปยังหัวเมืองใหญ่ และ DOHOME To Go จำนวน 6 สาขา สาขาละ 10 ล้านบาท ขนาด 1 พันตารางเมตร ในเขตพื้นที่กทม.-ปริมณฑล และคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 36 สาขา
อย่างไรก็ตาม ไทวัสดุ เป็นบริษัทที่ขายเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง และตกแต่งบ้านเช่นกัน อยู่ในเครือบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ซึ่งเป็นบริษัทของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ปัจจุบันมี 80 สาขา มีมาร์เก็ตแคปกว่า 232,193.50 ล้านบาท