ความหวัง 'พยุงหุ้นไทย' ท่ามกลางตลาดซบเซา

ความหวัง 'พยุงหุ้นไทย'   ท่ามกลางตลาดซบเซา

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกลับมา “ผันผวน” และยังเพิ่มเติมคือ “วอลุ่มที่หาย” ไปในช่วงเดือนพ.ย.2566 เผชิญทั้งปัญหาปัจจัยต่างประเทศด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่ชัดเจน การดำเนินนโยบาย FED กับวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น

และภายในประเทศที่เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ชะลอตัวที่ 1.5% เกือบต่ำสุดในอาเซียนรองจากสิงคโปร์  จนทำให้มีการปรับลดประมาณการ GDP ปี 2566 ใหม่  การเทขายหุ้นของต่างชาติ   การขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อย และระมัดระวังรายการ short sell ที่ยกระดับตรวจจับรายการไม่เหมาะสมอย่าง naked short sell ที่เป็นประเด็น

        ทั้งหมดทำให้ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่โหมดระมัดระวังการลงทุนอีกครั้ง   และยิ่งใกล้กับช่วงวันหยุดยาวของโซนยุโรป และอเมริกาเข้าสู่เทศกาล วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และวันคริสต์มาส ส่งผลทำให้ยิ่งไร้แรงซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนธ.ค.อย่างเห็นได้ชัด

       ดังนั้นข่าวบวกเพียงเรื่องเดียวที่เข้ามามีผลต่อมูฟเมนต์ตลาดหุ้นไทยให้ยังมีแรงขับเคลื่อนไซด์เวย์บวกได้  คือ การใช้เครื่องมือ “กองทุนลดหย่อนภาษี” ที่รีเทิร์นกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่แตกต่างจากในอดีตเป็นกองทุนรวม LTF

      ผลักดันของสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เข้าหารือกระทรวงการคลัง จนได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์การจัดตั้ง ESG Fund ซึ่งเป็นแนวทาง และรูปแบบการออกกองทุนประหยัดภาษีรูปแบบใหม่ มีลักษณะการลงทุนระยะยาวคล้ายกับ LTF แต่จะเน้นการลงทุนในหุ้น ESG ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม และสังคมเป็นหลัก

     ครม. มติเห็นชอบอนุมัติตั้งกองทุน  Thailand ESG Fund ( TESG ) หักลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี หรือไม่เกิน 30% ของเงินได้มีระยะเวลาลง 8 ปีมีผลถึง 31 ธ.ค.2575 ด้าน ก.ล.ต. เตรียมพร้อมเปิดให้มีการจัดตั้งกองทุนรวดเร็วที่สุด

คาดว่ายกร่างประกาศแล้วเสร็จเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาประมาณต้นเดือนธ.ค.2566 โดยในระหว่างนี้ ก.ล.ต. เปิดให้ บลจ. สามารถส่งร่างเอกสารจัดตั้ง Thai ESG ให้พิจารณาได้ล่วงหน้าจะสามารถอนุมัติจัดตั้ง Thai ESG ได้ภายในต้นเดือนธ.ค.2566 เช่นกัน เพื่อให้ประชาชนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวในปีภาษี 2566

     ทั้งนี้ "เงื่อนไขลงทุน" หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET ว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (environment) หรือด้านความยั่งยืน (ESG)

       หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และการตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ที่ผ่านการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยผู้ทวนสอบ และหรือ

       และตราสารหนี้ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเสนอขายตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน และโทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุนที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืนที่มีมาตรฐานในทำนองเดียวกันกับตราสารหนี้ดังกล่าว

        ด้วยเงื่อนไขการลงทุนดังกล่าวทำให้สอดคล้องกับการประกาศ SET ESG Rating 2566 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จัดคะแนน บจ. เป็น 4 ระดับ คือ AAA (คะแนนรวม 90-100), AA (คะแนนรวม 80-89), A (คะแนนรวม 65-79) และ BBB (คะแนนรวม 50-64) จำนวน  193 บริษัท

        เกณฑ์การพิจารณาด้านบรรษัทภิบาล ความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเด็นสิทธิมนุษยชนในองค์กร และห่วงโซ่อุปทาน ล้วนมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั้งสิ้น ผู้ลงทุนต้องการข้อมูลเพื่อให้ทราบว่า บจ. มีการบริหาร จัดการความเสี่ยง

        อย่างไรก็ตามการลงทุนอิงตาม ESG ยังมีจุดอ่อนในหุ้นรายตัวที่ได้รับคะแนน AAA  ที่กระจายในหลายกลุ่มธุรกิจ  แต่สภาพคล่องในตลาดมีน้อยหลายบริษัทเช่นกันทำมีโอกาสที่กองทุนจะต้องเข้าไล่ซื้อหุ้นที่มีจำกัดตามไปด้วย 

        ข่าวดียังพอมีน้ำหนักช่วยตลาดหุ้นไทยได้บ้างก่อนสิ้นปี 2566 คือ เม็ดเงินดังกล่าวคาดว่าจะอยู่ที่ราวๆ 10,000 ล้านบาท เข้ามาเติมสภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงแรงอันดับต้นๆ ของตลาดหุ้นโลกไปแล้ว

           

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์