ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเล็กน้อย หลังวอลล์สตรีทบวก 7 สัปดาห์ติด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(18ธ.ค.)ดีดตัวขึ้นเล็กน้อย ถือเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 สัปดาห์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.86 จุด หรือ 0.00% ปิดที่ 37,306.02 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 21.37 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 4,740.56 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 90.89 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 14,904.81 จุด
หุ้นพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่บริษัทเดินเรือรายใหญ่ประกาศระงับการใช้เส้นทางในทะเลแดง ท่ามกลางภัยคุกคามจากการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในตลาด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาสในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลในการซื้อขายระหว่างวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ทำสถิติปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตอบรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณยุติวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์, เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 สัปดาห์ ขณะที่พุ่งขึ้น 3.8%, 3.3% และ 4.1% ตามลำดับในเดือนนี้
การปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 สัปดาห์ของดัชนีเอสแอนด์พี 500 นับเป็นการทำสถิติช่วงบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560
นักลงทุนจับตาปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปีนี้ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
ที่ผ่านมา ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลงในเดือนธ.ค.เพียง 18 ครั้งเท่านั้นนับตั้งแต่ปี 2493