ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด หลังสหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านสูงกว่าคาด

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด หลังสหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านสูงกว่าคาด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(19ธ.ค.)พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านสูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย แต่จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 251.90 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 37,557.92 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 0.59%  ปิดที่ 4,768.37 จุด และดัชนีแนสแด็ก 100 บวก 0.49% ปิดที่ 16,811.85 จุด

นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุน และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 14.8% สู่ระดับ 1.56 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.36 ล้านยูนิต

ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

ดัชนีดาวโจนส์, เอสแอนด์พี500 และแนสแด็กปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 สัปดาห์ ขณะที่พุ่งขึ้น 3.8%, 3.8% และ 4.8% ตามลำดับในเดือนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.2567 และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%

นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.0% ในเดือนต.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนพ.ย. หรือปรับตัวขึ้น 0.0% จากระดับ 0.0% เช่นกันในเดือนต.ค.

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.5% ในเดือนต.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนต.ค.