ดาวโจนส์ทรุดกว่า400 จุด วอลล์สตรีทพักฐาน หลังบวก 9 วันติด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(20ธ.ค.)ปรับตัวร่วงลงกว่า 400 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพักฐาน หลังดีดตัวขึ้น 9 วันติดต่อกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 475.92 จุด หรือ 1.27% ปิดที่ 37,082.00 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 70.02 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 4,698.35 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 225.28 จุด หรือ 1.50% ปิดที่ 14,777.94 จุด
ดัชนีดาวโจนส์, เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กพุ่งขึ้น 4.5%, 4.4% และ 5.5% ตามลำดับในเดือนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.2567 และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.0% ในเดือนต.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนพ.ย. หรือปรับตัวขึ้น 0.0% จากระดับ 0.0% เช่นกันในเดือนต.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.5% ในเดือนต.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนต.ค.