ดาวโจนส์ปิดแดนบวก ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน

ดาวโจนส์ปิดแดนบวก ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(5ม.ค.)ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวน หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 25.77 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 37,466.11 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 0.18%  ปิดที่ 4,697.24 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 0.09% ปิดที่ 14,524.07 จุด

 

ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะได้รับผลกระทบจากตัวเลขจ้างงานที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้

นอกจากนี้ ตลาดถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเหนือระดับ 4% หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานดังกล่าว

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากระดับ 173,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.

อัตราการว่างงาน ทรงตัวที่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.8%

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%

เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาดในวันนี้ สอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนที่สูงกว่าคาด และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ นักลงทุนลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.2567 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่สูงกว่าคาดในวันนี้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 53.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.2567 หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักมากถึง 72.8%