TRUE - CPAXT หมดห่วง | ออฟเรคคอร์ด

TRUE - CPAXT หมดห่วง  | ออฟเรคคอร์ด

ประเด็น อ่อนไหวสำหรับนักลงทุน ไปซะแล้วถ้ามีหุ้นที่เกี่ยวกับ “หุ้นกู้” ทำเอาหนาวๆ ร้อนๆ รายวัน

๐๐๐ TRUE - CPAXT หมดห่วง 

         ประเด็น อ่อนไหวสำหรับนักลงทุน ไปซะแล้วถ้ามีหุ้นที่เกี่ยวกับ “หุ้นกู้” ทำเอาหนาวๆ ร้อนๆ ว่าจะเกิดข่าวร้ายวันหุ้นไหนเพราะแค่ต้นเดือนม.ค. ระเบิดหุ้นกู้ลงกันสนั่นหวั่นไหว 

      

       มีข่าวร้ายใช่ว่าจะไม่มีข่าวดีเพราะรายใหญ่ภาคอสังหาฯ ที่ถูกจับตามองว่าเผชิญปัญหาหุ้นกู้ ANAN และ MQDC หรือ  ‘แม็กโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ’  เดินเกมเร็ว เรียกความเชื่อมั่นซื้อคืนหุ้นกู้

      รายหลังมีหุ้นกู้ครบกำหนดในมือเฉียด 10,000 ล้านบาทเดือนม.ค.   และยังจัดเป็น High Yield Bond ดอกเบี้ยระดับ 7 %  จัดแจงโชว์เงินพร้อมจ่ายเสร็จสรรพ 

        ส่งผลทำให้บรรดาหุ้นที่หวั่นจะโดนหางเลข TRUE- CPAXT  คลายแรงกดดันไปได้  ถือว่าเป็นกลุ่มเดียวกันและยังออกหุ้นกู้ปี 2566 ล็อตใหญ่

        TRUE มูลค่า 19,599 ล้านบาท ส่วน CPAXT 70,000 ล้านบาท   แม้ดอกเบี้ยไม่สูงเท่า MQDC แต่นาทีนี้ใครบ้างไม่กลัวหุ้นกู้เบี้ยวหนี้ 

๐๐๐

       ตลาดหุ้นในเอเชียกลับมาวิตกนโยบายการเงินอีกรอบ นำโดย NIKKEI ญี่ปุ่นที่มีแรงขายเพื่อจับตาเจรจาค่าจ้างรายปีอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ BOJ ยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ หลังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมาตั้งแต่ปี 2550 ส่งผลทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยงทันที

๐๐๐

      ด้านตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันหุ้นบิ๊กแคป ที่มีสัญญาณการเข้ามา “แทรกแซงของทางการ” โดยเฉพาะหุ้นนำตลาดทั้ง กลุ่มพลังงาน และ กลุ่มธนาคาร ส่งผลทำให้หลุด 1,400 จุดอีกครั้ง และมาปิดตลาดที่ 1,401.72 จุด   ลดลง 5.30 จุด   เปลี่ยนแปลง 0.38%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39,472.36 ล้านบาท 

๐๐๐

     กลุ่มพลังงานยังเจองานหนักต่อเนื่อง โดยพุ่งเป้าไปที่ PTT จากนโยบายปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ เพื่อลดค่าน้ำมัน-ก๊าซฯ แบ่งเบาค่าครองชีพประชาชน ฝั่ง PTT ปรับราคา Pool Gas มีผลทำให้ต้นทุนธุรกิจก๊าซเพิ่มขึ้น กระทบผลประกอบการม.ค.-เม.ย. 2567 ที่ 6,500 ล้านบาท 

       ส่วนประเด็นกรณีสัญญาส่งมอบก๊าซธรรมชาติ หรือ Shortfall ไม่ถึงเกณฑ์กำหนดคำนวณส่วนต่างส่งมอบกกพ. เกิดเห็นต่างตัวเลขกระโดดเป็น 4,300 ล้านบาท ช่วงปี 2563-2565 จนกระทบความเชื่อนักลงทุน เพราะมีแนวโน้มจะเจอตัวเลขอีกก้อนช่วงเดิือนพ.ย. -ธ.ค. 2566 !! 

๐๐๐

     ตามมาด้วยกลุ่มแบงก์ ที่รับผลกระทบจากการแถลงใหญ่ ธปท. ‘นโยบายดอกเบี้ย’ ที่ผ่านมามีความเหมาะสมและสมดุล ที่ระดับ 2.50%  เป็นการเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงแม้จะมีผู้เสียประโยชน์และได้ประโยชน์แต่ กนง. พิจารณารอบด้าน 

      ธปท. ยังไม่มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย เพราะการลดดอกเบี้ยไม่แก้ปัญหาเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างประเด็นนี้อาจกดดันกลุ่ม Finance ต่อเนื่องในระยะนี้ ส่วนเรื่องส่วนต่างดอกเบี้ย NIM กลายเป็นประเด็นแทน หลังส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไปจนต้องเรียกนายแบงก์เข้าหารือ 

๐๐๐

     แรงขายหุ้นแบงก์ใหญ่ ส่วนหุ้นที่รายงานงบฯ TISCO เผชิญแรงกดดันจากเป้าหมายธุรกิจปี 2567 โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5-10% ( y-y )ใกล้เคียงกับปี 2566, NIM เป็นขาลงต่อเนื่องตลอดทั้งปี, Cost-to-income ratio ไม่เกิน 50%, Credit cost เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามกลยุทธ์การเพิ่มสินเชื่อกลุ่ม high yield ที่มีความเสี่ยงสูงและ NPL ratio ไต่ระดับขึ้นเช่นกันแต่คุมไว้ไม่เกิน 2.50%

๐๐๐

     รอเก้อกันต่อไปสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังต้องยกเลิกประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่ก่อนหน้านี้มีกำหนดนัดประชุมในวานนี้ (16 ม.ค.) ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาแนวทางหาเงิน 5 แสนล้านบาทที่จะนำมาใช้ขับเคลื่อนโครงการนี้หลังได้คำตอบชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมายจากคณะกรรมกฤษฎีกาแล้ว ทำให้บรรดาหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่รอรับข่าวดีพากันผิดหวัง