‘จีน’ สั่งห้ามนักลงทุนสถาบันขายหุ้นช่วงเปิด-ปิดตลาด หวังลดความผันผวน
อู๋ ชิง (Au Ching) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) สั่งห้ามนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ขายหลักทรัพย์ในช่วง 30 นาทีแรก และ 30 นาทีสุดท้ายของการซื้อขายแต่ละวัน หวังลดความผันผวนของตลาดหุ้นในประเทศ
KEY
POINTS
- ตลาดหลักทรัพย์จีนสั่งห้ามนักลงทุนสถาบันขายหลักทรัพย์ช่วง 30 นาทีแรกและ 30 นาทีสุดท้ายของการซื้อขายแต่ละวัน
- ตลาดหลักทรัพย์ยังแต่งตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อติดตามการขายชอร์ต (Short Selling)
- หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดัชนี CSI 300 เริ่มปรับตัวสูงขึ้น 8.67% และวันนี้ (22 ก.พ.) ดัชนีฯ ปิดตลาดบวก 0.86%
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงาน (22 ก.พ.) ว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) สั่งห้ามนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ขายหลักทรัพย์ในช่วง 30 นาทีแรก และ 30 นาทีสุดท้ายของการซื้อขายแต่ละวัน ซึ่งนักวิชาการส่วนหนึ่งประเมินว่าเป็นท่าทีในการอุ้มตลาดหุ้นในประเทศที่มูลค่าหายไปกว่า 8.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ อู๋ ชิง (Au Ching) ประธานซีเอสอาร์ซี (CSRC) ยังแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เพื่อติดตามการขายชอร์ต (Short Selling) พร้อมออกแถลงการณ์เตือนกลุ่มนักลงทุนที่กระทำการดังกล่าวกระทั่งเกิดความผันผวนอย่างหนักในตลาดหุ้นจีน
ด้านบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า มาตรการครั้งนี้สะท้อนถึงความจริงจังของรัฐบาลในการควบคุมการทำธุรกรรมในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นท่าทีที่อาจกระทบต่อกลยุทธ์ของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์และนักลงทุนสถาบันจำนวนหนึ่งที่นิยมใช้ในการซื้อขายหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่ามาตรการดังกล่าวบังคับใช้ในอุตสาหกรรมการเงินมากน้อยเพียงและไม่มีข้อบ่งชี้ว่ามาตรการนี้จะส่งผลต่อนักลงทุนรายย่อยที่ถือครองสินทรัพย์ส่วนใหญ่ในจีนมากขนาดไหน
นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งมองว่า การกีดกันสถาบันการเงินหลักในการซื้อขายสินทรัพย์ครั้งนี้อาจทำให้กองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมีอิทธิพลเหนือตลาดมากขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาดัชนี CSI 300 ปรับตัวลดลง 13.70% อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงที่รัฐบาลออกมาตรการอุ้มตลาดหุ้นมากขึ้น ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาดัชนีฯ กลับเริ่มปรับตัวสูงขึ้น 8.67% และวันนี้ (22 ก.พ.) ดัชนีฯ ปิดตลาดบวก 0.86%