ดัชนีความเชื่อมั่นลงทุน “ทรงตัว” คาดหวังนโยบายลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น
สภาธุรกิจตลาดทุนไทยสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนข้างหน้ายังไร้แรงหนุน วัดเกณฑ์ยัง ‘ทรงตัว’ ท่ามกลางนักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปัจจัยฉุดคือเฟดตรึงดอกเบี้ย และภาวะเงินเฟ้อที่กดดัน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 20–29 ก.พ.2567) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 106.88 ปรับเพิ่มขึ้น 37.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” โดยนักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) รองลงมาคือสถานการณ์เงินเฟ้อ และ การไหลออกของเงินทุน
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนก.พ. 2567 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
1.ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พฤษภาคม 2567) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ปรับเพิ่มขึ้น 37.8% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 106.88
2.ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
3.หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
4.หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)
5.ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
6.ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
จากผลสำรวจ ณ เดือนก.พ. 2567 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 31.4% อยู่ที่ระดับ 115.00 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 14.3% มาอยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 11.9% อยู่ที่ระดับ 122.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 66.7% อยู่ที่ระดับ 100.00
ตลอดเดือนก.พ. 2567 SET Index มีการปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังนักลงทุนมีความคาดหวังว่าFED จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในเร็ววันนี้ รวมถึงมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นจีน การส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงินอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางญี่ปุ่น การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งขึ้น และแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้าซื้อหุ้นไทย ส่งผลให้ SET Index ณ สิ้นเดือนก.พ. 2567 ปิดที่ 1,370.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5% จากเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนก.พ. 2567 ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,265 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 3,246 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 27,624 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง ปัญหาเศรษฐกิจจีนที่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะใน รัสเซีย - ยูเครน และในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางยังยืดเยื้อ ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลังสัญญาณการบริโภคภายในประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2566 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1 ปี 2567 และติดตามผลประชุมกนง. ครั้งถัดไปต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย