หุ้น SHR บวก 8.66% โรงแรมในมัลดีฟส์พลิกฟื้น คาดปีนี้กำไรก้าวกระโดด
หุ้น SHR ราคาวันนี้่ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 8.66% หรือราคาเพิ่มขึ้น 0.22 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2.76 บาท หลังโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์พลิกฟื้น คาดปีนี้กำไรก้าวกระโดด
ความเคลื่อนไหวหุ้นไทยวันที่ 8 มี.ค.2567 ณ เวลา 11.30 น. หุ้น SHR หรือ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 8.66% หรือราคาเพิ่มขึ้น 0.22 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 2.76 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า ผู้บริหารระบุว่า ในไตรมาส 1/2567 การดำเนินงานของโรงแรมยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนของโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ ปรับเพิ่มขึ้น 10-12% y-y ในเดือนม.ค. ด้วย OCC rate 88% และยังดีต่อเนื่องที่ 93% ในเดือนก.พ.2567
โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นอีก 20-25% ในปีนี้ หลัก ๆ มาจากโรงแรมในมัลดีฟส์ที่ฟื้น การเปิดดำเนินงานเต็มที่หลังปรับปรุงของโรงแรม Saii ภูเก็ตและพีพี และโรงแรมในเมอริเซียส
ดังนั้น จึงคาดว่า SHR กำไรจะก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 307 ล้านบาท จากที่ปีก่อนหน้า ที่เริ่มมีการพลิกมีกำไรได้ 80 ล้านบาท ด้าน Valuation ยังถูก เทรด PBV เพียงแค่ 0.6 เท่า ถูกที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยว คงราคาเป้าหมายที่ 4 บาท
ไมเคิล เดวิด มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งแรกหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายหลังบรรลุเป้าหมายรายได้จากการขายและให้บริการในปี 2566 ในระดับสูงสุดในประวัติการณ์ จำนวน 9,701 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า กำไรสุทธิเติบโต 5 เท่าตัว
โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมที่เปิดให้บริการ อยู่ที่ 71% ปรับเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ การปรับแผนการตลาดอย่างมีประสิทธิผล มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของโรงแรมอยู่เสมอ ส่งผลให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ปรับเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน ที่ระดับ 5,675 บาทโดยระดับรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ปรับเพิ่มขึ้นถึง 23% ที่ระดับ 3,871 บาท จึงส่งผลให้บริษัทฯ กำไรสุทธิที่ 86.4 ล้านบาท เติบโตขึ้น 501% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกตลอดปี 2566 ที่ผ่านมาแล้ว ข้อได้เปรียบสำคัญของ SHR คือทำเลที่ตั้งโรงแรมซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในจุดหมายปลายทางสำคัญที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ประกอบกับความยืดหยุ่นและวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการปรับแผนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการตลาดเชิงรุกที่หลากหลาย หรือการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ศักยภาพสูง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นในพัฒนาประสิทธิภาพของพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ บันทึกผลการดำเนินงานสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในทุกมิติตัวชี้วัด ทั้งยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในทุกภูมิศาสตร์ที่ตั้ง โดย
(1) โรงแรมในประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 59% จากปีก่อนหน้า และมีอัตราการเข้าพักที่ไม่รวมห้องพักที่อยู่ระหว่างปิดปรับปรุงสูงถึง 78% สะท้อนจุดเด่นทำเลที่ตั้ง และการครองมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการอันเลิศ ทำให้เรามีอัตรานักท่องเที่ยวประจำที่น่าพอใจ และสามารถดึงดูดความนิยมจากหมู่นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงได้เป็นอย่างดี
(2) โรงแรมของบริษัทฯ ในสหราชอาณาจักร ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความนิยมในการท่องเที่ยวในประเทศและระหว่างภูมิภาคที่ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง รวมถึงความสำเร็จจากกลยุทธ์พัฒนาประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอ ส่งผลให้สามารถบันทึก RevPAR ในระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
(3) สำหรับโรงแรม 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สามารถสร้างรายได้ที่
เติบโต 4% แม้จะเผชิญสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวเชิงรุกของบริษัท โดยเฉพาะแผนการตลาดที่มุ่งเน้นการดึงดูดผู้เข้าพักจากตลาดใหม่ๆ เพื่อการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ และกลยุทธ์ในการตั้งราคาที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่
(4) ผลการดำเนินงานกลุ่มโรงแรม Outrigger แม้จะถูกจำกัดด้วยจำนวนห้องที่สามารถขายได้ (Available room) จากการปิดให้บริการชั่วคราวของ Outrigger Mauritius Beach Resort เพื่อปรับปรุงระบบบริหารจัดการน้ำในระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคมของปี 2566
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานโรงแรมทั้งสองแห่งในสาธารณรัฐฟิจิยังคงเติบโตแข็งแกร่งและชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้จากความโดดเด่นทั้งด้านทำเลที่ตั้ง และการส่งมอบประสบการณ์เข้าพักที่น่าประทับใจ ประกอบกับการปรับปรุงระยะที่ 2 ของโรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามแผนในเดือนพฤศจิกายน ผลักดันให้ ADR เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 22% จากปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมายังประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ ไม่ว่าจะเป็นแผนการปรับปรุงโรงแรมหลักของบริษัทฯ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลกำไรที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงแล้วจะสามารถยกระดับ ADR ได้เฉลี่ยในช่วง 15% – 25% รวมไปถึงการเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ของโรงแรม SO/ Maldives รีสอร์ทระดับ 5 ดาว ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของโครงการ CROSSROADS Maldives ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการพักผ่อนและไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจร ซึ่งนำเสนอตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ บริษัทฯ เห็นสัญญาณบวกที่แข็งแกร่งในปี 2567 จากจำนวนนักท่องเที่ยว และความเต็มใจใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ ประกอบกับรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ที่เพิ่มขึ้นจากผลสำเร็จของการปรับปรุงห้องพักและยกระดับมาตรฐานของโรงแรมในปีที่ผ่านมา” ทั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดรากฐานทางธุรกิจอันมั่นคง บริษัทฯ จะเดินหน้ามุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลกำไรในปี 2567 ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1.บริหารโดยมุ่งเน้นให้ RevPAR เติบโตได้ในทุกภูมิศาสตร์ที่โรงแรมของบริษัทดำเนินการอยู่ ควบคู่ไปกับการเติบโตของรายได้อื่นนอกเหนือจากการเข้าพัก (Non-room Revenue) โดยนำเสนอเมนูใหม่ๆ พร้อมประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของแบรนด์ พร้อมแผนเปิดตัวบีชคลับในทุกรีสอร์ทในเครือทราย (SAii)
2.ยกระดับพอร์ตโฟลิโอและหมุนเวียนสินทรัพย์ (Portfolio Enhancement and Rotation) อย่างต่อเนื่อง โดยจะดำเนินการระยะที่ 2 ตามแผนการปรับปรุงโรงแรมในประเทศไทยที่ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต และ ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ และดำเนินกลยุทธ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่และรีแบรนด์โรงแรมที่เหมาะสมและมีศักยภาพในสหราชอาณาจักร
3.แผนยกระดับแบรนด์ทราย (SAii) ให้มีมาตรฐานระดับสากล (International Standard) ผนวกกับการสร้างการจดจำแบรนด์ในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวแบบลักชูรีอย่างยั่งยืน พร้อมนำความแข็งแกร่งของแบรนด์มาต่อยอดในการสร้างการเติบโตที่ยืดหยุ่นขึ้นและมีข้อจำกัดที่ลดลง ทั้งภายใต้โมเดลธุรกิจแบบ Asset-Light และการร่วมทุน (Joint Venture)
4.จัดสรรงบในการลงทุนมูลค่า 15,000 ล้านบาทเพื่อซื้อและควบรวมกิจการ (Merger and Acquisition) ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่พอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ และสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนในด้านรายได้และกำไร รวมถึงลดความผันผวนทางฤดูกาล (Seasonal Effect) ของโรงแรมในเครืออีกด้วย
ด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะเรื่อง Brand Enhancement และการมุ่งเน้นการลงทุนขยายสินทรัพย์คุณภาพ จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของ SHR ในการดำเนินการตามแผนธุรกิจในปีนี้ ให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มรายได้ผลกำไร และขยายพอร์ตโฟลิโอสู่ระดับนานาชาติ