หุ้น ROJNA บวกนำ 5% หลังกลุ่มนิคมฯ รับอานิสงส์ย้ายฐานผลิตมาไทย
หุ้น ROJNA บวกนำกลุ่มกว่า 5% หลังนิคมอุตสาหกรรม รับอานิสงส์ย้ายฐานผลิตมาไทย ‘โบรก’ แนะจับหวะช่วงพักฐานสะสมลงทุน กลาง-ยาว
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 18 มี.ค.2567 หุ้น ROJNA หรือ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.22% หรือราคาเพิ่มขึ้น 0.35 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 7.05 บาท
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ณ ขณะนี้ถือว่ามีจิตวิทยาเชิงบวก หลังจากที่รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยถึงแผนการลงทุนต่าง ๆ ที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้น ล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาว่า อาจจะมีการโยกฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มาที่บ้านเราด้วย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมแกว่งตัวอยู่ในแนวแดนบวกเกือบทุกตัว ทั้ง หุ้น WHA AMATA PIN และ ROJNA
อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่นนี้ ต้องเน้นระยะกลาง ถึงระยะยาว เพราะว่า กระแสการย้ายฐานการผลิตจะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยสิ่งสำคัญของบ้านเราคือ โครงสร้างพื้นฐานที่กำลังจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า
เพราะฉะนั้นนักลงทุนอาจจะต้องใช้จังหวะที่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม พักตัวเพื่อซื้อสะสมได้ในระยะกลางและในระยะยาว
สำหรับผลประกอบการหุ้น ROJNA ปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 980.15 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,139.71 ล้านบาท ขณะที่จากรายได้รวมที่ 18,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 18,193 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่รายได้จากการขายไฟฟ้า ลดลง เนื่องจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาปรับค่า Ft ลง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566
ขณะที่รายได้ค่าบริการและค่าเช่า เป็นรายได้จากการขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม, บริการบำบัดน้ำเสีย และค่าบริการส่วนกลางลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน นอกจากนี้ ต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นตามปริมาณพื้นที่ที่โอนที่ดินให้กับลูกค้า และต้นทุนบริการและค่าเช่า เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ROJNA เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2567 มีมติให้บริษัทขายเงินลงทุนในบริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด (บริษัทย่อย) จำนวนหุ้น 255,000 หุ้น ในในอัตราหุ้นละ 20 บาท คิดเป็นเงิน 5.1 ล้านบาท และเงินให้กู้ยืมพร้อมดอกเบี้ย จำนวน 160 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 165.1 ล้านบาท ให้กับบริษัท ฮาร์วีกรุ้ป จำกัด
ทั้งนี้ บริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจปลูก ผลิต และจำหน่ายสารสกัด Canabidoil (CBD) จากกัญชง กัญชา มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ซึ่ง ROJNA ถือหุ้น 51% วีรนุ จงสถาพรพงศ์ ถือ 30% บจก.โกลบอล บีทูซี ถือ 15% และ สาวรมย์ชลี จันทร์ประสิทธิ์ ถือ 4% โดยผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดขายหุ้นให้กับบริษัท ฮาร์วีกรุ้ป จำกัด (ผู้ถือหุ้นคือ นายวัชระ วีรวิทย์ 99.99% และนายนิคม สุวรรณกมล 0.01%) ทั้งหมด ทำให้ถือบริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด 100%
โดย บริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด ประสบปัญหาขาดทุน โดยล่าสุด ปี 66 มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 57.90 ล้านบาท จากปี 65 ที่ขาดทุน 30.28 ล้านบาท มาจากต้นทุนการขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ต้นทุนการเงินก็สูงขึ้น โดยในงบการเงินปี 2566 แสดงผลขาดทุนสะสม 101.01 ล้านบาท ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 51.01ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ROJNA จะนำเงินไปขยายการลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ปัจจุบันมีการขายที่ค่อนข้างสูงมากกว่า และลดการขาดทุนจากธุรกิจที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย