ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ ก่อนปิดฉากเดือนมี.ค./Q1 67
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤัสบดี(28มี.ค.)ขยับขึ้นเล็กน้อย 47 จุด ขณะใกล้ปิดฉากการซื้อขายเดือนมี.ค. และไตรมาส 1/2567
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 47.29 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 39,807.37 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 0.11% ปิดที่ 5,254.35 จุด ส่วนดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 0.12% ปิดที่ 16,379.46 จุด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดฉากการซื้อขายเดือนมี.ค. และไตรมาส 1/2567 ในวันนี้ ก่อนที่จะปิดทำการในวันศุกร์(29มี.ค.) เนื่องในวัน Good Friday
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์, เอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กต่างปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนมี.ค. และไตรมาส 1/2567 ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเกือบ 2% ในเดือนมี.ค. และพุ่งขึ้น 5.5% ในไตรมาส 1/2567 ทำสถิติทะยานขึ้นในไตรมาส 1 มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดีดตัวขึ้น 3% ในเดือนมี.ค. และพุ่งขึ้น 10% ในไตรมาส 1/2567 ทำสถิติทะยานขึ้นในไตรมาส 1 มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562
ดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้นเกือบ 2% ในเดือนมี.ค. และทะยานขึ้น 9.3% ในไตรมาส 1/2567
นอกจากนี้ ข้อมูลจากบริษัทคาร์สัน กรุ๊ประบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐมักปรับตัวได้ดีในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ข้อมูลนับย้อนไปถึงปี 2493 พบว่า เดือนเม.ย.เป็นเดือนที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 พุ่งขึ้นมากเป็นอันดับ 2 ของปี
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.4% เช่นกันในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. จากระดับ 0.3% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.8% เช่นกันในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. จากระดับ 0.4% ในเดือนม.ค.