ดาวโจนส์ร่วง 305 จุด ขายทำกำไร หลังตลาดพุ่งก่อนหน้านี้

ดาวโจนส์ร่วง 305 จุด ขายทำกำไร หลังตลาดพุ่งก่อนหน้านี้

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(22มี.ค.)ร่วงลง 305 จุด ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังตลาดพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วง 305.47 จุดหรือ 0.77% ปิดที่ 39,475.90 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลง 0.14% ปิดที่  5,234.18 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น
0.16%  ปิดที่  16,428.82 จุด 

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กต่างดีดตัวขึ้นวานนี้ และทำสถิติปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2 วันติดต่อกัน

นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 3% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2566 ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้น 2.4% และ 2.7% ตามลำดับ

การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการประชุมเฟด

นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. ก่อนที่เฟดจะปรับลดต่อไปในเดือนก.ย. และธ.ค.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์หน้า (29 มี.ค.)

ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)