OPEC+ คงนโยบายลดการผลิตไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงสิ้นปี 67 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
OPEC+ คงนโยบายลดการผลิตไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงสิ้นปี 67 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด หุ้นเด่นยังคงเป็น PTTEP, TOP และ PTTGC
KEY
POINTS
- บล.กสิกรไทย ระบุ OPEC+ คงนโยบายลดการผลิตไม่เปลี่ยนแปลงจนถึงสิ้นปี 67 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดดาดว่าความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่ดั่งตัวมากขึ้นจะค่อย ๆ จุดสด็อกน้ำมันของ OECD ให้ลดลงตลอดปี 67 ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น
- ปรับเพิ่มมุมมองต่อกลุ่มพลังงานเป็นเชิงบวก แต่คงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มปีโตรเคมีหุ้นเด่นยังคงเป็น PTTEP, TOP และ PTTGC
บล.กสิกรไทย รายงานผ่านบทวิเคราะห์ว่า ข้อตกลงการลดกำลังการผลิต คณะกรรมการร่วม (]MMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) ไม่ได้แนะนำให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิต (การลดกำลังการผลิต 5.86 ล้านบาร์เรลต่อวันจากการลดทั้งแบบภาคบังคับและแบบสมัครใจ) จนกระทั้งสิ้นสุดครึ่งแรกของปี 2567 ในการประชุมเมื่อวันพุธ ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาด
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้กดดันบางประเทศให้เพิ่มการปฏิบัติตามนโยบายลดกำลังการผลิต โดยสมาชิกของ OPEC + ที่มีปริมาณการผลิตเกินโควต้าในไตรมาส 1/2567 จะต้องส่งแผนการลดผลิตเพื่อชดเชยปริมาณที่ผลิตเกินไปไปยังเลขาธิการ OPEC ภายในวันที่ 30 เม.ย. โดยผลการประชุม OPEC+ นี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนด์ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่เกือบ 90 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ทั้งนี้ การประชุมครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 1 มิ.ย.
ทั้งนี้ คาดว่าอุปทานจะตึงตัวมากขึ้นในปี 2567 เนื่องจากการผลิดน้ำมันดิบของกลุ่มที่ไม่ใช่ OPEC + ต่ำกว่าการคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 การขยายข้อตกลงลดการผลิตของ OPEC + ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้สต๊อกน้ำมันทั่วโลกลดลง ทั้งนี้ จากประมาณการล่าสุดของ Energy Information Administration (EIA) การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตเพียง 0.4 ลัานบาร์เรล/วัน
ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่ม OPEC+ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันอีก 0.2 ล้านบาร์เรล/วัน ดังนั้นอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม non-OPEC+ จะไม่เพียงพอต่ออุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกประมาณ 1.9 ล้านบาร์เรล/วัน ดังนั้นคาดว่าสต๊อกน้ำมันของ 0ECD จะลดลงตลอดทั้งปี ส่งผลให้ราคาน้ำมันตึบค่อย 1 ปรับตัวสูงขึ้นในปี 2567
สมมดิฐานราคาน้ำมันดับของเรามีความเสี่ยงขาขึ้น อุปสงค์และอุปทานที่ดึงตัวขึ้นดังกล่าวอาจสร้างความเสี่ยงขาขึ้นต่อสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบของเราในปี 2567 ที่ 80
ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์รล
นอกจากนิ้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางและสงครามรัสเชีย-ยุเครนเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงขาขึ้นต่อการคาดการณ์ราคาน้ำมันของเรา ดังนั้น เราจึงอยู่ระหว่างทบทนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบของเรา Valuation and Recommendation
ปรับเพิ่มมุมมองต่อกลุ่มพลังงานเป็นเชิงบวก แต่คงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มปีโตรเคมี จากการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานน้ำมันทั่วโลกที่ตึงตัวมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคา
น้ำมันสูงขึ้น เราจึงมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อกลุ่มพลังงาน ดังนั้น เราปรับเพิ่มมุมมองต่อกลุ่มพลังงานเป็นเชิงบวกจากเป็นกลาง ในขณะเดียวกัน เรายังคงมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มปิโตรเคมี เนื่องจากคาดว่าวัฏจักรอุตสาหกรรมได้ถึงจุดต่ำสุดในห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์โตรเคมีบางกลุ่มเท่านั้น เช่น PE และอะโรเมติกส์ และการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์คาดว่าจะเห็นได้ในครึ่งหลังของปี 2567 เป็นอย่างเร็วที่สุด โดยหุ้นเด่นของยังคงเป็น PTTEP, TOP และ PTTGC