BCP รายได้ Q1/67 โต 68% เพราะรับรู้ BSRC แต่กำไรลด 11%
BCP เผยมีรายได้ Q1/67 ที่ 135,382 ล้านบาท เพิ่ม 68% เพราะรับรู้ BSRC หรือเดิมคือปั๊ม ESSO มาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีก่อน ทว่า กำไรลด 11% มีรับรู้ด้อยค่าแหล่งผลิต Statfjord ส่วนแผนลงทุน 1 หมื่นล้านบาทในธุรกิจผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนเริ่มก่อสร้างแล้วคาดเริ่ม COD ได้ Q2 ปีหน้า
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567 มีรายได้รวม 135,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทว่ากำไรสำหรับงวดส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 2,437 ล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2567 กลุ่มบริษัทบางจาก มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 135,382 ล้านบาท (-5% QoQ, +68%YoY) และมี EBITDA 15,308 ล้านบาท (+48% QoQ, +39%YoY)
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันได้รับแรงหนุนหลักจากโรงกลั่นบางจาก ที่มีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำสถิติสูงสุดที่ 271.7 KBD สาเหตุหลักมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่า 150 KBD ของโรงกลั่นศรีราชา ประกอบกับ Operating GRM ที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและการรับรู้ Inventory Loss (รวม NRV) ลดลง
กลุ่มธุรกิจการตลาด สร้างสถิติใหม่ด้วยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางที่ 3,541 ล้านลิตร เติบโต 5% QoQ และ > 100% YoY ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตนี้จากเครือข่ายสถานีบริการที่ครอบคลุมกว่า 2,217 สถานีทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และยอดขายเพิ่มขึ้นจากสถานีบริการภายใต้การดำเนินงานของ BSRC หลังการปรับปรุงเป็นแบรนด์บางจาก
นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายใน Q1/2567 เพิ่มขึ้นถึง 14% QoQ และ 53% YoY จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจาก บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน)
สำหรับธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด EBITDA เติบโตขึ้น 35% QoQ และ 66% YoY โดยหลักจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ สร้างสถิติรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากปริมาณการผลิตและปริมาณการขายปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของแหล่งผลิต Statford ที่ได้เข้าถือกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 66 และแหล่งผลิต Hasselmus ที่เริ่ม COD ในเดือน ต.ค. 66
อย่างไรก็ตาม ใน Q1/2567 มีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของแหล่งผลิต Statfjord เนื่องมาจากปริมาณการผลิตในปี 2567 น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากการขุดเจาะหลุมเพิ่มเติมในช่วงปลายปี 2566 แต่ปริมาณปิโตรเลียมที่ไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ (Dry Well) โดยเมื่อคำนวณสุทธิตามสัดส่วนผู้ถือหุ้นคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 401 ล้านบาท
กระนั้นก็ตาม มีการกลับรายการด้อยค่าสินทรัพย์หลังหักภาษีของแหล่งผลิต Yme ประมาณ 35 ล้านบาท จากราคาน้ำมันคาดการณ์ล่วงหน้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถชดเชยผลกระทบจากการด้อยค่าของแหล่งผลิต Statfjord ได้บางส่วน ส่งผลให้มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 2,437 ล้านบาท (+>100% QoQ, -11% YoY) คิดเป็น กำไรต่อหุ้น 1.68 บาท
ขณะที่ภายหลังจากการได้มาซึ่งบริษัทบางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC กลุ่มบริษัทบางจากได้สร้าง Synergy และการพัฒนา Platforms for Growth เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเฉลี่ยของโรงกลั่นศรีราชาให้เป็น 155 KBD ภายในปีนี้ นอกจากนี้ ทางโรงกลั่นศรีราชายังสามารถใช้ท่อขนส่งน้ำมันของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการขนส่งของกลุ่มบริษัทบางจาก
สำหรับความคืบหน้าในการเข้าลงทุนธุรกิจใหม่ หน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ซึ่งบางจากฯ เป็นผู้บุกเบิกรายแรกในประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน ใช้งบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะเริ่ม COD ได้ภายใน Q2/2568