'ซีพี แอ็กซ์ตร้า' โชว์ Q1/67 รายได้ 1.2 แสนล้าน เพิ่ม 6% กำไร 2.4 พันล้าน เพิ่ม 15%
บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เปิดงบ Q1/67 รายได้ 1.2 แสนล้านบาท เพิ่ม 6% กำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายสาขาเดิมยังพุ่งแถมออนไลน์ก็โดดเด่น พร้อมมุ่งสร้างมาร์จิ้นเพิ่มด้วยแบรนด์ตนเอง ส่วนการปรับโครงสร้างกลุ่มคาดแล้วเสร็จ Q4/67 นี้
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น CPAXT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2567 บริษัทฯ มียอดรายได้รวม 127,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของยอดขาย รวมถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืม อีกทั้งในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 14.1 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 14.0 เป็นผลหลักมาจากกลุ่มธุรกิจค้าส่ง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า "ผลการดำเนินงานที่ดีเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายภายในสาขาเดิม โดยเฉพาะจากการขายออนไลน์และการขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า และการขยายสาขาใหม่ที่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกรวมทั้งต้นทุนทางการเงินก็ลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น”
อีกทั้งบริษัทฯ ตั้งเป้าสร้างการเติบโตของรายได้ปี 2567 อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตผ่านทุกช่องทางจำหน่ายได้แก่
-ยอดขาย Omni Channel มุ่งเพิ่มสัดส่วนเป็นอย่างน้อยร้อยละ 17 ของยอดขายรวมในปีนี้ โดยเน้นเพิ่มความหลากหลายของสินค้า พัฒนาบริการ และการขยายพื้นที่ให้บริการ รวมถึงใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายของทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกรวมกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้า พร้อมกับการพัฒนาทีมนักขายนอกร้าน เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการได้อย่างครบวงจร
-การขยายสาขาใหม่ และปรับโฉมสาขาทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ในห้างค้าส่งและค้าปลีกให้เป็นศูนย์กลางชุมชน รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ตของคนทุกวัย สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละท้องถิ่น
-การผนึกจุดแข็งด้านอาหารสดของบริษัทฯ และบริษัทย่อย โดยเน้นการพัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทาน รวมทั้งสร้างความแตกต่าง และเพิ่มกำไรด้วยการขยายสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ
“ความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มบริษัทฯ หลังจากได้รับมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว คาดว่าธุรกรรมทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2567 โดยการควบบริษัทครั้งนี้ ตั้งเป้าสร้างยอดขายและอัตรากำไรที่ดีขึ้น รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้น พร้อมสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน” นายธานินทร์ กล่าวทิ้งท้าย