AWC กำไร Q1/67 แตะ 1.6 พันล้าน พุ่ง 12% โรงแรม-บริการคึก มูลค่ายุติธรรมเป็นบวก

AWC กำไร Q1/67 แตะ 1.6 พันล้าน พุ่ง 12% โรงแรม-บริการคึก มูลค่ายุติธรรมเป็นบวก

"แอสเสท เวิรด์ คอร์ป" กำไรสุทธิ Q1/67 ที่ 1,604.56 ล้าน บวก 12.83% จาก Q1/66 สอดคล้องรายได้รวมที่ 5,440 ล้าน โต 11.2% ทั้งธุรกิจโรงแรม-บริการคึก นักท่องเที่ยวเพิ่ม หนุนด้วยธุรกิจอสังหาและอาคารสำนักงานที่แข็งแรง ที่สำคัญมีกำไรมูลค่ายุติธรรมอสังหาเพื่อการลงทุนถึง 1,155 ล้าน

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 บริษัทฯ กำไรส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ 1,604.56 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0501 บาท) จากไตรมาส 1/2566 กำไรส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ ทำได้ 1,422.04 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0444 บาท) คิดเป็นการปรับขึ้น 12.83%

คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ AWC ระบุว่า สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิตามงบการเงิน จำนวน 1,604 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการเติบโตขึ้น มีอัตราการเข้าพักโรงแรมของไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ร้อยละ 74.8 เป็นการเติบโตจากทุกกลุ่ม เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า

มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) เท่ากับ 6,298 บาทต่อคืน เติบโตร้อยละ 1.4 เมื่อเปรียบเทียบจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 4,711 บาท เติบโตขึ้นร้อยละ 8.5 เมื่อเปรียบเทียบจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า

ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า บริษัทได้มีการปรับปรุงพัฒนาศูนย์การค้าให้เข้ากับกลยุทธ์การตลาดเพื่อเสริมศักยภาพของศูนย์การค้าให้กับผู้เช่าในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาให้บริการเพิ่มมากขึ้น ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดรับให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของบริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานที่มั่นคง 

และในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกำไรจากมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 1,155 ล้านบาท

ขณะที่ AWC มีรายได้รวมตามงบการเงินในไตรมาส 1/2567 เท่ากับ 5,440 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเติบโตกว่าช่วงก่อน COVID-19 ปี 2562 ซึ่งสะท้อนการดำเนินงานตาม Growth-Led Strategy เพื่อสร้างการเติบโตของกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักและใช้บริการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้ามีผลการดำเนินที่ดีขึ้น กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงานมีการเติบโตจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง