PTT กำไร Q1/67 ทำได้ 2.8 หมื่นล้าน เพิ่ม 4% รับรู้ขายเงินลงทุน 4.4 พันล้าน
ปตท. มีรายได้ Q1/67 ที่ 782,256 ล้านบาท เพิ่ม 3.4% จาก Q1/66 กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี - การกลั่น - ปิโตรเคมี ยอดดีขึ้น อีกทั้งมีพลิกกำไรสต็อกน้ำมันราว 3,000 ล้านบาท ชดเชยขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 28,968 ล้านบาท เพิ่ม 4% รับรู้รายการพิเศษราว 4,400 ล้านบาท ขายเงินลงทุน
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTT) แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2567 นั้น ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 782,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25,566 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 จากไตรมาส 1 ปี 2566
โดยหลังจากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และการกลั่น มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น โดยธุรกิจการกลั่นมีราคาขายน้ำมันเบนซิน และน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมี มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น โดยหลังจากกลุ่มโอเลฟินส์ ที่มีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจน้ำมัน และการค้าปลีกมีรายได้ลดลง ตามปริมาณขายรวม และราคาขายน้ำมันดีเซล และน้ำมันอากาศยานลดลงตามราคาปิโตรเลียมในตลาดโลก
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจก๊าชธรรมชาติมีรายได้จากการขายลดลงเช่นกัน โดยหลังจากธุรกิจจัดหา และจัดจำหน่ายก๊าซฯ ที่มีราคาขายเฉลี่ยปรับลดลงตามราคา Pool Gas แม้ว่าปริมาณขายก๊าซฯ เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าเป็นหลัก
ในขณะที่ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นตามปริมาณการจองใช้ท่อฯ ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากทั้งปริมาณขาย และราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานมีรายได้จากการขายลดลง โดยหลังจากโรงไฟฟ้าผู้ผลิตขนาดเล็ก (Small Power Producer: SPP) ของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) ตามราคาขายไฟฟ้า และไอน้ำที่ลดลงตามราคาก๊าซฯ ที่ลดลง
ในไตรมาสแรกปีนี้มีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 118,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,709 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.1 จากใน Q1/2566 โดยหลังจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และการกลั่น
ทั้งนี้ยังรายงานกำไรสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรจากสต็อกน้ำมันใน Q1/2567 ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ใน Q1/2566 มีผลขาดทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจาก 8.4 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรลใน Q1/2566 เป็น 7.9 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรลใน Q1/2567
ใน Q1/2567 ปตท. และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 28,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,113 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.0 จากใน Q1/2566 ที่จำนวน 27,855 ล้านบาท ตาม EBITDA ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ามีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ และต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ประกอบกับ ใน Q1/2567 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 4,400 ล้านบาท
โดยหลักจากกำไรจากการขายเงินลงทุนใน Alvogen Malta (Out-licensing) Holding Ltd. (AMOLH) ของบริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM) จำนวนประมาณ 4,500 ล้านบาท ขณะที่ ใน Q1/2566 มีผลขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาท โดยหลังจากรายการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ จากการสิ้นสุดสัมปทานโครงการบงกชของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP)
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์