CPAXT ลั่นรายได้ปีนี้โต รับอานิสงส์ ‘มาตรการกระตุ้นศก.-ท่องเที่ยว’ หนุน

CPAXT ลั่นรายได้ปีนี้โต รับอานิสงส์ ‘มาตรการกระตุ้นศก.-ท่องเที่ยว’ หนุน

CPAXT มั่นใจปีนี้รายได้โต “ตัวเลขหลักเดียวระดับสูง” หรือขยายตัวมากกว่าอุตสาหกรรมและจีดีพี ขานรับมาตรการตุ้นรัฐ-ใช้จ่ายท่องเที่ยวหนุน พร้อมปรับเป้าสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทาง Omni channal เพิ่มไม่ต่ำ 17% ของยอดขายรวม ขยายสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ

นางสาว ศิริพร วิธานนิติธรรม ที่ปรึกษาฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดเผยว่า มั่นใจรายได้ทั้งปี 2567 จะมีรายได้เติบโตเลขหลักเดียวระดับสูง (High Single Digit) และพื้นที่เช่าจะกลับมาได้ก่อนปีโควิด-19 ได้ โดยตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี มีพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น 200,000 ตารางเมตร จากปีนี้คาดว่าจะขยายพื้นที่เช่า35,000 ตารางเมตร

สะท้อนผ่านไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทมีรายได้ที่ 127,000 ล้านบาท เติบโต 6 % ถือว่าคงเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมที่ 3% และเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปีนี้ที่เติบโตเพียง 1.5% ต่ำกว่าคาดโต 2% ดังนั้น การโตของธุรกิจเป็นไปตามช่วงฤดูกาล โดยไตรมาส 1 ของปีเติบโตดี จากนั้นไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปี แนวโน้มปรับลดลง ซึ่งเป็นปกติของช่วงโลซีซั่น และจะกลับมาเติบโตดีในไตรมาส 4 ของทุกปี

CPAXT ลั่นรายได้ปีนี้โต รับอานิสงส์ ‘มาตรการกระตุ้นศก.-ท่องเที่ยว’ หนุน

รวมทั้งยังได้ปรับเพิ่มเป้าสัดส่วนยอดขายจากช่องทางขาย Omni Channel เป็นไม่ต่ำกว่า 17% จากไตรมาส 1 ปีนี้ทำได้ 16% ดีกว่าเป้าทั้งปีนี้ตั้งไว้ที่ 15% แล้ว ผ่านทาง Makro Pro และโลตัสออนไลน์ มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยเพิ่มการส่งภายในวันหรือวันรุ่งขึ้น และความสามารส่งสินค้าไปถึงลูกจากสาขาใหญ่ภายใน 2-3 ชม. โดยส่งได้เร็วเฉลี่ย 1.5 ชม. สาขาเล็กภายใน 1 ชม. โดยส่งได้เร็วเฉลี่ย 30 นาที รวมถึงส่งตรงเวลาได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าที่ระดับสูงถึง 90% และยอดขายของทีมพนักงานขายเพิ่มขึ้น จากความเข้าใจลูกค้าและผู้ประกอบการอย่างดี

นางสาวศิริพร กล่าวว่า แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นต่างๆ จากรัฐที่จะทยอยออกมาและการโตของท่องเที่ยวต่อเนื่อง คาดจะฟื้นกลับมาได้และกลับมาก่อนโควิดที่ระดับ 90% โดยในส่วน 10% ที่ยังไม่กลับมา แต่ท่องเที่ยวเติบโตดีมาชดเชย เพราะคนยอมใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทั้งค่าเดินทางและอาหารที่สูงกว่าปีก่อนถึง 20% จากปัจจัยบวกทั้งเงินเฟ้อในประเทศที่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้า อาหาร การเดินทาง ปรับเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างภายในของบริษัท หลังจากเริ่มสื่อสารและได้รับการอนุมัติจาก AGM และ รับโอนกิจการของโลตัสไทยแลนด์มาทั้งหมดแล้ว โดยได้ดำเนินการส่งจดหมายแจ้งเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้จะมีการส่งตอบรับกลับมาภายใน 2 เดือน และในส่วนอื่นๆยังดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ทางด้านฐานะการเงิน ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวม ยังคงแข็งแกร่ง ที่ 537,000 ล้านบาท แม้มีเงินลดลงเล็กน้อย จากภาระจ่ายเจ้าหนี้และการลงทุนขยายสาขา

ส่วนการขยายสาขาใหม่ปีนี้ธุรกิจค้าส่ง (แม็คโคร) ในไทย 6-8 สาขา ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 3 สาขา และต่างประเทศ 2 สาขา ปัจจุบันเปิดไปแล้วที่อินเดีย ส่วนที่เหลือจะเปิดในประเทศ ธุรกิจค้าปลีก สาขาขนาดใหญ่ 1 สาขา ในภาคใต้ สาขาซูเปอร์มาร์เกต 6-8 สาขา ปัจจุบันเปิดไปแล้ว มาเลเซีย 1 แห่ง จะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง ส่วนที่เหลือจะเปิดเพิ่มในไทย สาขาขนาดเล็ก 100 สาขา คาดจะเปิดทั้งสาขาในระดับอำเภอและตำบล

ขณะเดียวกัน มีปรับปรุงสาขาไปทั้งสิ้นแล้ว 4 สาขา มีพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร 1,600 ร้าน และกว่า 200 แบรนด์ดัง คาดจะขยายร้านพันธมิตร ทั้งในกลุ่มเฮลท์ บิวตี้ และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งวางกลยุทธ์พัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละพื้นที่ และเพิ่มจำนวนลูกค้า โดยจับมือกับพันธมิตรร้านค้าระดับท้องถิ่นและระดับแบรนด์ดัง 

ที่สำคัญ บริษัทยังเดินหน้า 6 กลยุทธ์หลัก พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและสินค้าที่หลากหลายคุ้มค่าคุ้มราคา ,ขยายช่องทาง Omni channel ด้วยจุดแข็งกว่า 2,600 สาขา และทีมงานที่เข้าใจและเข้าถึงลูกค้า ,พัฒนารูปแบบและขนาดของศูนย์การค้าให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละพื้นที่ รวมถึงการเพิ่มพื้นที่เช่า จะมีศึกษาความต้องการของลูกค้า และรวมสิ่งที่มีเรามีให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน , การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง