รู้จักอุตสาหกรรม AI และโอกาสในการลงทุน
อุตสาหกรรม AI เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน Theme AI มากยิ่งขึ้น
ช่วงนี้ท่านผู้อ่านอาจจะเห็นข่าวเกี่ยวกับ AI ที่เข้ามาเข้าถึงในทุกๆ ด้านของการใช้ชีวิตพวกเรากันไม่มากก็น้อยใช่มั้ยครับ สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นเวลานี้ หัวข้อเรื่อง AI นั้นกลายเป็นหัวข้อที่มีความน่าสนใจอย่างมากในวงกว้างของนักลงทุน โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการทำความเข้าใจใน Value Chain ของอุตสาหกรรม AI เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน Theme AI มากยิ่งขึ้น วันนี้ผมมี ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Investment Advisory Security Co., Ltd. คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® จะมาเล่าให้ผู้อ่านได้เข้าใจกันมากขึ้นครับ
เมื่อพิจารณาถึง Value Chain ของอุตสาหกรรม AI เราจะพบว่ามี 5 กลุ่มหลักที่มีบทบาทสำคัญดังนี้ครับ :
1. กลุ่ม Hardware (ผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ): กลุ่มนี้มีความสำคัญมากในการสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาและใช้งาน AI ซึ่งรวมถึงการผลิตอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับระบบ AI เช่น GPU (ชิปประมวลผลการแสดงภาพ) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท Nvidia หรือจะเป็น AMD และ TSMC ที่เป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลเป็นต้น
2. กลุ่ม Data Infrastructure (ผู้ให้บริการโครงสร้างฐานข้อมูล): กลุ่มนี้ประกอบด้วยผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านฐานข้อมูล เช่น AWS และ Microsoft Azure ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดการและการเก็บรักษาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ
3. กลุ่ม Foundation Model (ผู้พัฒนาโมเดล AI): ในกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและให้บริการโมเดล AI เช่น ChatGPT ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการต่าง ๆ
4. กลุ่ม Application Layer (ผู้นำโมเดล AI มาสร้างเป็นแอปพลิเคชัน): กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ให้บริการ AI ในรูปแบบของแอปพลิเคชันและบริการต่าง ๆ เช่น ระบบการจัดการลูกค้า (CRM) หรือ การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ตัวอย่างของกลุ่มนี้ได้แก่ Canva แอปพลิเคชันให้บริการทำสื่อออนไลน์ และ Adobe แอปพลิเคชันทางด้านตกแต่งภาพและตัดต่อวีดีโอ เป็นต้น
5. กลุ่ม Service (ผู้ให้บริการอื่นๆ): กลุ่มนี้เป็นผู้ให้บริการอื่น AI ในลักษณะอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การพัฒนาโมเดลหรือแอปพลิเคชัน ตัวอย่างเช่นบริการในด้านการอบรมการใช้งาน AI หรือการให้บริการการนำ AI เข้าไปช่วยปรับปรุงองค์กร
จะเห็นได้ว่า ในห่วงโซ่คุณค่าที่กล่าวมานั้น 3 กลุ่มแรกจะพบได้ในตลาดทุนต่างประเทศมากกว่าในตลาดหุ้นไทย หากนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้น 3 กลุ่มแรกนั้นสามารถทำได้ผ่านการลงทุนแบบ Offshore Trading ผ่าน Broker ต่างๆ หรือจะลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ หรือลงทุนผ่าน DR (Depositary Receipt )ก็สามารถทำได้เหมือนกัน โดยตัวอย่างของ DR ที่ว่าก็คือ ASML01 ที่อ้างอิงกับหุ้น ASML ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องผลิตชิป ที่ใช้สำหรับประมวลผล AI นั่นเอง ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น หากนักลงทุนอยากจะลงทุนตาม Theme AI ก็อาจจะต้องมองหาหุ้นในกลุ่มที่เป็น ผู้สร้างแอปพลิเคชันหรือ ผู้ให้บริการอื่นๆ แทนครับ
และนอกจากทั้ง 5 กลุ่มที่ผ่านมา การพิจารณาถึงโครงสร้างธุรกิจ และตลาดที่จะเปลี่ยนไปหลังจากการเข้ามาของ AI ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรจะต้องนำมาพิจารณาในการเลือกลงทุนในหุ้นด้วยเช่นกัน ด้วยประโยชน์ของ AI ที่สามารถเข้ามาช่วยในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมไปถึงการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ย่อมทำให้ โครงสร้างของธุรกิจและการแข่งขันเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน บริษัทไหนสามารถนำ AI มาใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์ก่อนเจ้าอื่นๆ ย่อมทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน ส่วนบริษัทไหนที่ปรับตัวช้า ก็อาจจะตกรถและเสียเปรียบในการแข่งขันไป
ดังนั้น มุมมองและความเข้าใจของผู้บริหารที่มีต่อการนำ AI มาใช้ในองค์กรย่อมส่งผลต่อตัวธุรกิจในภายภาคหน้าเป็นอย่างมาก ผู้ลงทุนควรพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่มีผู้บริหารที่มีความเข้าใจและสนใจที่จะนำ AI เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันในตลาด และ เป็นธุรกิจที่จะได้ประโยชน์หากมีการนำ AI เข้ามาใช้ โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการนำ AI เข้ามาใช้ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ ในภาคการผลิต, การบริการ และอาจรวมไปถึงภาคการเกษตร ด้วยเช่นกันครับ
นอกจากเรื่องของการลงทุนในตลาดทุนแล้ว การสร้างผลตอบแทนนอกตลาด เช่นการนำ AI มาใช้ในการสร้างช่องทางการงานที่ก่อให้เกิดรายได้ใหม่ๆเพิ่มเติม หรือช่วยลดต้นทุนในธุรกิจเดิมที่ให้มีกำไรมากยิ่งขึ้น ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจเช่นเดียวกันครับ และอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นเดียวกันก็คือ การรักษาอาชีพและรายได้เดิมของเราไว้ไม่ให้ถูก AI มาแย่งไป โดยการพัฒนาความรู้ความสามารถอยู่เสมอ โดยอนาคตข้างหน้า คนที่ใช้ AI เป็นย่อมเป็นที่ต้องการมากกว่าในตลาดแรงงานอย่างแน่นอน