จักรพงษ์ เผย ชนินทร์ STARK ถูกคุมตัวในไทยแล้ว ส่งเรื่อง DSI ทวงคืนเงินเสียหาย

จักรพงษ์ เผย ชนินทร์ STARK ถูกคุมตัวในไทยแล้ว ส่งเรื่อง DSI ทวงคืนเงินเสียหาย

'ชนินทร์ เย็นสุดใจ’ ผู้ต้องหาโกงหุ้น STARK ถูกควบคุมตัวถึงไทยแล้ว โดย ‘จักรพงษ์ แสงมณี’ นำทีมแถลงข่าวเอง เผยเตรียมส่งฟ้องศาลพรุ่งนี้ หวังทวงคืนค่าเสียหายทั้งหมด ด้านทนายเชื่อไม่มีเจตนาหลบหนี อยากมอบตัวนานแล้วแค่กลัวโดนทำร้าย

บรรยากาศการควบคุมตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ผู้ต้องหาคดีโกงหุ้น บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK จากต่างประเทศเพื่อกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย เต็มไปด้วยความคึกคัก โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากปักหลักรอทำข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 7.00 น. ของวันนี้  (23มิ.ย.) จนกระทั่งช่วงสายๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว นายชนินทร์ ออกมาเพื่อนำไปฝากขังกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI

จักรพงษ์ เผย ชนินทร์ STARK ถูกคุมตัวในไทยแล้ว ส่งเรื่อง DSI ทวงคืนเงินเสียหาย

หลังจากนั้น นายจักรพงษ์  แสงมณี  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และนายแพทย์ ชัยวัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดี DSI ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนาย นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหาร STARK ผู้ต้องหาในคดีทุจริต หุ้น STARK หลังหลบหนีคดีอยู่ที่ เมืองดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โดยนายจักรพงษ์ บอกว่า เรื่องดังกล่าว ทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับกรณีนี้เป็นอย่างมากได้ให้ตนเองติดตามตั้งแต่สมัยยังดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในขณะนั้น ดำเนินการในทางลับมาโดยตลอด คดีหุ้น STARK สร้างความเสียหายและผลกระทบต่อ ตลาดหุ้นไทย ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ถือว่าคดีนี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ 

 

สำหรับการติดตามตัวตั้งแต่นายชนินทร์หลบหนีออกไป ใช้เวลา 8 เดือน ในการติดตาม เริ่มตั้งแต่การหาตัวว่าหลบไปประเทศไหน จากเมื่อทราบว่าอยู่ที่ ดูไบ ก็ได้ประสานกับราชการทางดูไบทันที จนกระทั่งมีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ 

จากการคุยเบื้องต้น นายชนินทร์ มีการร้องขอความเป็นธรรม กังวลเรื่องความปลอดภัย บอกว่าตอนอยู่ที่ดูไบ โดนคุกคาม และเมื่ออยู่ที่ดูไบนายชนินทร์ใช้ชีวิตแบบนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง 

จักรพงษ์ เผย ชนินทร์ STARK ถูกคุมตัวในไทยแล้ว ส่งเรื่อง DSI ทวงคืนเงินเสียหาย

สำหรับเรื่องวงเงินความเสียหายและการเรียกร้องนำเงินคืนมาจากผู้ต้องหาที่นำออกนอกประเทศ มอบหมายให้หน่วยงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดูแลดำเนินการต่อไป

ด้านนายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี  ทนายความของนายชนินทร์ ก็บอกกับสื่อมวลชนว่า ความจริงแล้วนายชนินทร์ไม่ได้อยากหลบหนี ตั้งใจอยากจะกลับบ้าน และยืนยันว่านายชนินทร์ไม่ได้ทำความผิดอะไร ส่วนที่มีข่าวบอกว่า มีการขนเงิน 8 พันล้านไปต่างประเทศนั้นไม่เป็นความจริงไม่รู้ข่าวออกไปได้ยังไง 

ส่วนที่เดินทางกลับครั้งนี้ก็เพราะอยากจะกลับบ้านจึงประสานกลับมาสู้คดี ไม่ใช่การจับกุม เพราะที่ดูไบมีนักโทษหนีคดีจำนวนมากถ้าจะจับทำไมไม่จับคดีอื่นด้วย เพราะคดีที่นายชนินทร์โดนมีอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมแบบเดียวกัน แต่ทำไมถึงไม่โดนหมายจับ ไม่โดนฟ้อง ส่วนตัวนายชนินทร์ไม่ได้กังวลอะไร พูดคุยปกติ คุยกันล่าสุดยังบอกว่า เจอกันเมืองไทย เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว 

นอกจากนี้ นายเรืองศักดิ์ ยังบอกอีกว่า ก่อนที่นายชนินทร์จะหนีออกไปต่างประเทศทางครัวครอบของนายชนินทร์บอกกับตนเองว่า นายชนินทร์โดนคุกคาม อยู่ไทยไม่ได้แล้ว จึงจะหนี ซึ่งตนมาทราบทีหลัง ถ้าทราบก่อนก็จะบอกว่าอย่าหนีเลย ควรสู้คดี แต่ครอบครัวกลัวเรื่องความปลอดภัย เมื่อถามว่าใครคุกคาม ตนเองก็ไม่ทราบว่าใคร นายชนินทร์ไม่ได้บอก ซึ่งการคุกคามคนอื่นที่โดนคดีก็โดนเช่นกัน หลังจากที่หนีตนก็ไม่ได้คุย นายชนินทร์ไม่ได้ใช้มือถืออีกเลย 

“ทราบว่า นายชนินทร์ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมให้กับดีเอสไอและอัยการชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมดทั้งเส้นทางการเงินและข้อมูลต่างๆแต่ทางดีเอสไอและอัยการบอกตนกลับมาว่าจะรับเรื่องไว้เฉยๆแต่ไม่รับพิจารณา เพราะตัวผู้ต้องหาไม่ได้มายื่นด้วยตัวเอง” 

ทั้งนี้ทนายได้ตั้งคำถามทิ้งท้ายว่าทำไมบุคคลที่มีพฤติกรรมเดียวกับนายชนินทร์ กลับไม่ถูกตั้งข้อหาหรือถูกออกหมายจับเลย

ส่วนหลักทรัพย์ประกันตัว ยอมรับว่ากระทันหัน ยังไม่ได้เตรียมแต่ก็จะปฏิบัติตามกฎระเบียบทุกอย่างหากศาลไม่ประกันก็จะยอมรับสภาพ ซึ่งตนเชื่อถึงความยุติธรรมของศาลแต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ประกันไหมเพราะคนอื่นที่โดนคดีก็ไม่ได้ประกันเหมือนกัน

สำหรับ คดีการทุจริต STARK ทาง DSI รับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 66 มีผู้เสียหายทั้งสิ้นจำนวน 4,704 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวน 14,778 ล้านบาท (คดีพิเศษที่ 57/2566) และเป็นที่คดีที่รัฐบาลเร่งการติดตามอย่างมาก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยกลับมาอีกครั้ง

ทั้งนี้ที่ผ่านมา DSI สั่งฟ้องผู้ต้องหา รวม 11 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และฐานฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม