5 หุ้นยางพารา กอดคอร่วง TEGH - STA ดิ่งนำกลุ่มเฉียด 8% หลังสหรัฐฯ เลื่อน EU ชะลอ EUDR
5 หุ้นยางพารา กอดคอร่วง TEGH ดิ่งนำกลุ่ม 7.69% ราคาลดลง 0.30 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 3.60 บาท ด้าน STA ร่วง 6.84% ราคาลดลง 1.60 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 21.80 บาท หลังสหรัฐฯ เลื่อน EU ชะลอ EUDR
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 24 มิ.ย.2567 เวลา 10.50 น. หุ้นยางพารางดิ่งยกแผง หลังจากสหรัฐเลื่อนอียูชะลอ EUDR หรือ การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่าออกไป โดยหุ้นที่ร่วงลงมา มีดังนี้
- หุ้น TEGH ร่วง 7.69% ราคาลดลง 0.30 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 3.60 บาท
- หุ้น STA ร่วง 6.84% ราคาลดลง 1.60 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 21.80 บาท
- หุ้น TRUBB ร่วง 4.55% ราคาลดลง 0.06 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 1.26 บาท
- หุ้น STGT ร่วง 4.39% ราคาลดลง 0.50 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 10.90 บาท
- หุ้น NER ร่วง 0.93% ราคาลดลง 0.05 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 5.35 บาท
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้นกลุ่มยางพาราปรับตัวลดลงมาในวันนี้ (24 มิ.ย.67) หลังจากที่สหรัฐฯ มีการขอเลื่อนยุโรปเลื่อน EUDR จึงทำให้ปรับตัวลดลงมา โดยเฉพาะหุ้น STA ก่อนหน้านี้มีการเก็งกำไร เนื่องจาก STA ได้มีการเริ่มเพื่อให้เข้ากับเงื่อนไข และถ้าหากมีการเลื่อนออกไป ในทุก ๆ กลุ่มสินค้าจากที่เคยว่า จะเป็นผลบวกที่ได้รับ อาจจะน้อยลงไป
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มยางพารา เป็นหุ้นที่ต้องเก็งกำไรในด้านราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Commodity โดยถ้าดูราคาในช่วงนี้ เริ่มแผ่วลงมา จึงทำให้ขาดสตอรี่ทั้งในเรื่องราคายาง และ EUDR ด้วย จึงแนะนำเทรดดิ้ง
วีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)หรือ STA เปิดเผยว่า บริษัทฯ จึงวางแผนเพิ่มปริมาณการขายยาง EUDR โดยกำหนดเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการขายยาง EUDR ต่อเดือนเป็น 50% ภายในสิ้นปี 2567 และเพิ่มสัดส่วนเป็น 80% ในปี 2568 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนขายยาง EUDR ประมาณ 10% ของปริมาณการขายยางธรรมชาติในเดือนดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณขายยางธรรมชาติอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 125,000 ตัน ในปี 2567
ทั้งนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมยาง EUDR คาดว่าจะมีความต้องการยางธรรมชาติจากยุโรปทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 4 ล้านตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของดีมานด์ทั่วโลก โดยปัจจุบันประเทศที่มีความพร้อมผลิตยาง EUDR คาดว่าจะมีเพียง 3 ราย ได้แก่ ประเทศไทย, ไอวอรี่โคสต์และอินโดนีเซียบางส่วน ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตยางอันดับ 1 ของโลก หรือคิดเป็นราว 30% ของซัพพลายโลกโดยรวม ในขณะที่ไอวอรี่โคสต์และอินโดนีเซีย คาดการณ์ว่าจะสามารถซัพพลายยาง EUDR ได้ราว 7% ของซัพพลายโลก สะท้อนให้เห็นว่าซัพพลายยาง EUDR ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ